วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ทางเดิน ลมในกาย

ทางเดินลม ในกายของเรา

       ร่างกายเราตามปกติ ลมจะเข้าออกกายเราได้ตามรูขุมขน ตามข้อกระดูกต่างๆ ตามทวารต่างๆ  ลมมิได้เข้ามาในร่างกายทางจมูกเท่านั้น เพียงแต่จมูกเป็นทางที่ลมจะไหลต่อเข้าไปที่ปอด เพื่อใช้ในการฟอกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงเท่านั้น ส่วนลมส่วนต่างๆที่ไหลเวียนเข้ามา ไม่ได้มีผลต่อการหายใจ
     ในผู้ป่วยบางคน ตัวบวม แขนบวม ขาบวม ผิวตึง มัน เนื่องจากลมขัด ลมไม่สามารถออกตามรูขุมขน จึงทำให้ผิวหนังบริเวณท่อนกระดูกนั้นๆ บวม พองลมขึ้นมา
      การนวดไล่ลม เป็นการนวดตามแนวเส้น แค่จุดเดียวก็สามารถขับเคลื่อนลมในแนวเส้นที่ขัดอยู่ตามท่อนกระดูก ให้ไหลเวียนออกไปนอกร่างกายได้          ลมในกายเราจะขัดตามท่อนกระดูก  ลมจะออกได้ตามข้อกระดูก
     ทิศทางของลม จะไหลเวียนออกนอกกาย จากปลายเท้า ไปปลายมือ และศีรษะ เมื่อเราเริ่มนวดที่แนวขาท่อนบน ข้อแรกที่ลมจะเริ่มวิ่งผ่านคือข้อหัวเข่า ต่อจากนั้นก็เป็นข้อตาตุ่ม ข้อกระดูกเท้า ข้อนิ้วเท้า
     เมื่อเรานวดไล่ให้ลมในกายไหลออกปลายนิ้วเท้าแล้ว ลำดับต่อไปลมก็จะเริ่มไหลผ่านขึ้นแนวเหนือจุดที่เหยียบ ( แนวขาท่อนบน ) โดยที่ลมที่ร้อนออกปลายเท้าก็ยังมีอยู่ทุกครั้งที่นวด ด้านบนลมก็จะเริ่มไหลผ่านที่สะโพก เอว หลัง แนวสะบัก แนวบ่า แนวแขน แนวกระดูกข้อมือ แนวกระดูกมือ และแนวกระดูกนิ้วมือ สุดท้ายลมจะวิ่งร้อนออกตลอดแนวทั้งปลายนิ้วเท้าและปลายนิ้วมือ ในเวลาเดียวกัน
     ลำดับต่อไปลมก็จะเริ่มไหลผ่านขึ้นแนวกระดูกต้นคอ ผ่านเข้าไปในกะโหลกศีรษะ และสุดท้ายวิ่งออกทะลุศีรษะบริเวณกลางกระหม่อม
      สุดท้ายเรานวดไล่ลม เพียงแค่กดนวดแค่ตำแหน่งเดียว ลมจะวิ่งร้อนออกตลอดแนวทั้งปลายนิ้วเท้า ปลายนิ้วมือ และศีรษะ ในเวลาเดียวกัน

     แล้วท่านอนนวด แต่ละท่าจะช่วยบำบัดอาการ

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ก้อนลมที่เต้านม กรณีที่เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อแขน

ผมขอแชร์ประสบการณ์คนป่วยอีกรายหนึ่ง ที่มีก้อนกลมๆ ตรงบริเวณเต้านมด้านติดกับรักแร้ คนป่วยมีความรู้สึกไม่แน่ใจว่าก้อนกลมๆที่อยู่บริเวณเต้านมนั้นคืออะไร เนื้องอกธรรมดา หรือเนื้อร้าย จนได้ลองนวดให้ลมเดิน ลมไหลออกนอกกาย ถึงได้รู้ว่าก้อนที่กดดูแล้วยุบลง เคลื่อนไหว และเปลี่ยนตำแหน่งได้ นั้นคืออาการที่เกิดจากการขัดของลมในกาย
คนป่วยรายนี้อยู่แถวจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแม่ค้าที่ทำขนมขาย ต้องใช้แขนในการกวนขนมบนกระทะมาหลายปี มีอาการตึงบริเวณข้อมือ ตึงแขน ปวดบ่าอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว จนไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เกิดมีก้อนกลมๆเกิดขึ้นบริเวณเต้านม ซีกใกล้รักแร้ เวลาผ่านมาหลายเดือน ก้อนกลมๆที่เล็กอยู่นี้ก็ค่อยๆโตขึ้นมา มีขนาดเท่าลูกชิ้น เวลากดลงไปที่ก้อนกลมๆนั้นก็จะยุบลงไม่แข็งเป็นก้อน คนป่วยไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร กลัวว่าจะเป็นเนื้องอก ปรึกษาว่าจะไปพบแพทย์แผนปัจจุบัน กับแพทย์ที่เคยรักษากันประจำ
หลังจากที่พูดคุยเพื่อหาข้อมูล จึงสันนิษฐานว่าก้อนกลมนี้ เกิดจากการที่ลมขัด ลมไหลเวียนไม่ได้ในแนวแขน ซึ่งเริ่มเกิดตั้งแต่การที่คนป่วยใช้แรงในการกวนขนมในกระทะ ในเวลาหลายปีที่ผ่านมา อาการที่กล้ามเนื้อตั้งแต่มือ แขน บ่า แข็งตึง อ่อนล้า กล้ามเนื้อบาดเจ็บทำให้เลือดลมไหลเข้าแล้วออกนอกกายไม่ได้ จึงค่อยๆมีอาการขัด อาการตึงปวดตั้งแต่ปลายมือ แขน บ่าไหล่ จนถึงข้อบริเวณประตูลมที่แขน บริเวณไหปลาร้า และจากบริเวณที่เกิดก้อนกลมๆนั้นก็อยู่บนเต้านม ฝั่งติดกับรักแร้ ซึ่งเป็นบริเวณแนวต่อเนื่องที่อาการตึงสะสมจากมือเข้ามาถึงแนวบ่า
จึงสันนิษฐานว่า คืออาการขัดของลมตามแนวแขน เป็นการไหลเวียนไม่ได้ของลมในแนวท่อนแขนไปถึงบริเวณประตูลมแขน ใกล้ไหปลาร้า แล้วลมที่ขัดไปสุดที่เต้านมฝั่งรักแร้
ในผู้ป่วยรายนี้ เมื่อกดลงบริเวณแนวเส้นแขนเหนือข้อพับข้อมือ ระยะเวลาหนึ่งคนป่วยบอกว่า ที่ก้อนกลมมีเหมือนเหงื่อผุดออกมา และสักครู่หนึ่งขนาดของก้อนกลมเมื่อลองกดดู มีขนาดเล็กลง และนิ่มลงไปจากเดิม ทำให้ลมที่ขัดค้างคาอยู่ที่แนวแขน ประตูลมแขน จนถึงบริเวณเต้านม ไหลเวียนออกนอกกายได้เป็นปกติ ปรากฏว่าก้อนกลมๆ มีขนาดเล็กลง และค่อยๆยุบลงไป

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ก้อนลมที่เต้านม จากอุบัติเหตุ

ก้อนลมที่เต้านม กรณีที่เกิดจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

        ผมขอแชร์ประสบการณ์คนป่วย ที่มีก้อนกลมๆ ตรงบริเวณเต้านมด้านติดกับรักแร้ คนป่วยมีความรู้สึกไม่แน่ใจว่าก้อนกลมๆที่อยู่บริเวณเต้านมนั้นคืออะไร เนื้องอกธรรมดา หรือเนื้อร้าย จนได้ลองนวดให้ลมเดิน ลมไหลออกนอกกาย ถึงได้รู้ว่าก้อนที่กดดูแล้วยุบลง เคลื่อนไหว และเปลี่ยนตำแหน่งได้ นั้นคืออาการที่เกิดจากการขัดของลมในกาย
      คนป่วยรายนี้อยู่แถวจังหวัดสมุทรปราการ เคยเกิดอุบัติเหตุเดินสะดุดจะไถลตกบันได ขณะเดินลงบันไดสะพานลอย บังเอิญใช้มือคว้าราวบันไดได้ทัน จึงทำให้ไม่กลิ้งตกลงไป แต่ทำให้มีอาการตึงบริเวณแขนนั้น
     หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านมาประมาณ 1 - 2 เดือน คนป่วยรู้สึกว่า บริเวณเต้านมด้านที่ติดกับรักแร้ มีก้อนกลมๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร กลัวว่าจะเป็นเนื้องอก ปรึกษาว่าจะไปพบแพทย์แผนปัจจุบัน กับแพทย์ที่เคยรักษากันประจำ หลังจากที่พูดคุยกันเพื่อหาข้อมูล จึงมีข้อมูลเบื้องต้นว่า
           ก้อนกลมนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดอุบัติเหตุ แขนกระชาก 1-2เดือนที่ผ่านมา
           ตำแหน่งของก้อนกลมอยู่ซีกเดียวกันกับแนวแขนที่เพิ่งเกิดอุบัติเหตุ
           ก้อนกลมไม่แข็ง ไม่เป็นก้อน เวลากดแล้วยุบ เคลื่อนเปลี่ยนไปตำแหน่งอื่นได้
     ในขั้นแรก สันนิษฐานว่าก้อนกลมนี้ เกิดจากการที่ลมขัด ลมไหลเวียนไม่ได้ในแนวแขน ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เกิดการกระชากของแขน เพื่อดึงรั้งลำตัวไม่ให้ไถลตกบันได แรงที่เกิดจากการกระชากนั้นสะท้อนกลับเข้ามาในกายเราตามท่อนแขน ( แรงสะท้อนที่ว่านี้เหมือนกับเวลาที่เรายิงปืนไปข้างหน้า จะมีแรงสะท้อนผลักกลับตัวเราให้ถอยหลังไป ) สุดท่อนแขนก็คือประตูลมบริเวณรักแร้ แรงสะท้อนมาสิ้นสุดบริเวณแนวรอบๆข้อกระดูกแขนที่เชื่อมกับลำตัวบริเวณบ่า สะบัก ไหปลาร้า
     และบริเวณที่เกิดก้อนกลมๆนั้นก็อยู่บนเต้านม ซีกติดกับรักแร้ ซึ่งเป็นบริเวณแนวสุดของแรงสะท้อนที่ตีกลับเข้ามาตามแนวแขนตอนเกิดอุบัติเหตุ จึงสรุปว่า คืออาการขัดของลมตามแนวแขน เป็นการไหลเวียนไม่ได้ของลมในแนวท่อนแขนไปถึงบริเวณประตูลมแขน ใกล้ไหปลาร้า แล้วลมขัดไปถึงบริเวณเต้านมฝั่งรักแร้
      จึงลองนวดไล่ลมที่ท่อนแขน ทำให้ลมเคลื่อนตัว ลมร้อนวิ่งออกปลายแขนได้ ปรากฏว่าก้อนกลมๆ มีขนาดเล็กลง และยุบหายไปในที่สุด


วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ความตึงภายในแนวเส้น

ความตึงภายในแนวเส้น
   ความตึงภายในแนวเส้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นนามธรรม อธิบายยาก คงต้องยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับสิ่งของที่เราเห็นอยู่ตามธรรมชาติ เช่น สายประคำเส้นหนึ่ง เมื่อเราเข้าใจว่าทำไมสายประคำ ที่มีลูกประคำเรียงร้อยอยู่ เมื่อมีแรงมากระทบ จะทำให้การเรียงตัวของลูกประคำเปลี่ยนไป จนทำให้รูปลักษณ์ของเส้นสายที่เรียงร้อยลูกประคำอยู่นั้นเปลี่ยนแปลงไป
    เมื่อเรานำสายประคำเส้นเดียวกันนี้ ตัดให้ขาดจากเส้นวงกลม ยืดสายประคำให้เป็นเส้นตรง สายประคำปลายข้างหนึ่งผูกปลาย สายอีกข้างหนึ่งปล่อยชาย เหลือเชือกที่ไม่ได้ร้อยลูกประคำ
        เปรียบสายที่เรียงร้อยลูกประคำเป็นแนวกระดูกสันหลังที่อยู่ในแนวปกติ
        ส่วนลูกประคำให้เปรียบเสมือนกระดูกสันหลัง
         ช่องว่างระหว่างลูกประคำ ก็เปรียบเสมือนแนวหมอนรองกระดูก
   ในสภาวะปกติ เชือกที่เรียงร้อยอยู่ในแนวเส้นตรงก็คือความตึงของสายที่ใช้ร้อยลูกประคำมีค่าเป็นศูนย์  วันใดวันหนึ่งถ้าเราดึงแนวเชือกที่ตรงอยู่นี้ให้โค้งงอ ก็จะทำให้แนวเชือกกลายเป็นเส้นโค้ง ลูกประคำก็จะเบียดกันมากขึ้น ถ้าเราไม่คลายแรงดึงออกไป แนวของสายประคำที่โค้งอยู่ก็จะคงสภาพนั้น และจะโค้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
     สำหรับอาการตึงของเส้นนั้น ก็คือพลังงาน เมื่อร่างกายบาดเจ็บ
ลมขัดอยู่ในแนวนั้น ถ้าเราไม่บำบัดให้อาการขัดของลมคลายตัวออกไป ก็จะเก็บสะสมอยู่ตามแนวอาการ จนบางครั้งทำให้เกิดอาการตึง เมื่อยล้า ปวดแสบปวดร้อน กลไกของร่างกายจะสร้างพังผืดมาคลุมกล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆ และการที่มีอาการบาดเจ็บเรื้อรังพังผืดก็จะเพิ่มหนาขึ้นเรื่อย พังผืดที่เกาะบริเวณข้อกระดูกยิ่งหนาขึ้นก็จะทำให้การขยับข้อไม่ดี เหมือนการที่เราสวมกางเกงขายาว10ตัว เดินขึ้นบันได จะเมื่อยและลำบากมากในการก้าวเดิน

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แก้อาการขาแพลง

การบำบัดอาการเรื้อรังที่ข้อเท้า ( ข้อเท้าแพลง )
      เราอาจเคยข้อเท้าพลิก ข้อเท้าแพลง เรื้อรังมาเป็นเวลา 20-30ปีที่แล้ว แม้ในปัจจุบันอาการบวมที่ข้อเท้าจะหายแล้ว เราเดินได้ตามปกติเหมือนไม่มีอาการแล้ว ในบางครั้งเราจะรู้สึกว่ามีอาการเสียวแปลบๆ ลึกๆอยู่ที่ข้อตาตุ่ม อาการนี้เกิดจากการขัดของลม ที่เกิดบริเวณข้อเท้าที่เรายังไม่ได้บำบัดให้ลมในเส้นไหลเวียนได้เป็นปกติ  
ท่านวดที่บำบัดอาการนี้ให้คนป่วยอยู่ในท่านอนหงาย และท่านอนคว่ำ
        แนวเส้นที่ใช้แก้อาการนี้คือ แนวที่ลากผ่านโดยตรง ผ่านบริเวณข้อเท้า โดยกดนวดบริเวณแนวด้านบน เหนือบริเวณที่ปวดบวม ยังไม่ต้องกดที่บริเวณข้อตาตุ่ม คือเริ่มไล่ตั้งแต่ขาท่อนบนกระทุ้งลมให้ผ่านข้อเข่า ขาท่อนล่างกระทุ้งลมให้ผ่านข้อตาตุ่ม ข้อกระดูกเท้า ข้อกระดูกนิ้วเท้า
    เมื่อเรากดนวดไล่ลมที่ขัดอยู่บริเวณแนวเส้นขา จะมีปฏิกิริยาของการนวดไล่กระทุ้งอาการขัดของลมเริ่มตั้งแต่แนวขาท่อนบน กระทุ้งบริเวณข้อหัวเข่า แนวขาท่อนล่าง กระทุ้งบริเวณข้อตาตุ่ม บริเวณฝ่าเท้า หลังเท้า ข้างเท้าด้านนอก เมื่อลมที่ขัดอยู่ทะลุทะลวงไหลเวียนออกไปถึงแนวเท้า บริเวณตาตุ่มนอกแล้ว  อาการข้อเท้าแพลงเรื้อรังก็จะหายไป
                 
    ในกรณีที่เกิดอาการขาแพลงปัจจุบันทันด่วน เราสามารถนวดบำบัดอาการได้ทันที เราจะไม่ไปกดคลึงบริเวณที่มีอาการบวมตึงอยู่ เราจะกดไล่ลมที่อั้นอยู่บริเวณเหนือที่มีอาการ คือกดไล่ที่ขาท่อนบน และขาท่อนล่าง เพื่อกระทุ้งไล่ให้ลมแล่นผ่านข้อตาตุ่มออกไป หลังการบำบัด การเดินของคนป่วยจะดีขึ้นประมาณ 20% จะยังไม่เห็นเด่นชัด การเดินยังมีอาการแพลง เจ็บอยู่ที่ข้อตาตุ่มนอก คนป่วยต้องพักผ่อน หยุดเดิน ให้นอนพัก
( การฟื้นตัวของอาการนี้ นอนพักผ่อนให้เต็มที่ บางคนอาการขาแพลงหายในชั่วข้ามคืน วันรุ่งขึ้นเดินได้เหมือนคนปกติ )

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

พังผืดยึด

   ร่างกายเรา ท่อนกระดูกสองท่อนที่เชื่อมต่อกัน ข้อกระดูก เป็นตัวเชื่อมให้ท่อนกระดูกทั้งสองยึดติดกัน และบริเวณที่เป็นข้อ เป็นบริเวณที่ลมจะไหลเวียนออกนอกร่างกายได้
    ร่างกายเรา เส้นเลือดทั่วร่างกาย เมื่อผ่านจากท่อนกระดูกหนึ่ง ไปยังอีกท่อนกระดูกหนึ่ง เส้นเลือดที่ไหลผ่านข้อกระดูกนี้ เป็นเส้นเลือดเส้นเดียวกัน
และก็คือแนวเส้นเดียวกันที่ต่อเนื่องกัน
     เมื่อกล้ามเนื้อรอบๆกระดูกบาดเจ็บ ร่างกายจะสร้างพังผืดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บเพิ่มขึ้น   
     อาการบาดเจ็บนั้นรวมถึงการที่เราปวดเรื้อรัง ปวดเมื่อยเรื้อรัง กล้ามเนื้อบาดเจ็บแล้วยังฝืนใช้งานกล้ามเนื้อนั้นอีก รวมถึงการกินยาคลายเส้น ยาแก้ยอก ที่ยาเข้าไปกดความรู้สึกเจ็บเอาไว้ แต่อาการไม่หายไปไหน ยังสะสมทวีความรุนแรง และเพิ่มความบาดเจ็บมากขึ้นไปเรื่อยๆ  ชั้นพังผืดก็มากขึ้นเรื่อยๆ 
   เปรียบเสมือนกับเราใส่กางเกง 5ชั้น เมื่อเราโดนทำโทษ โดนตี เราจะรู้สึกว่าโดนตีแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ถ้าเราค่อยๆถอดกางเกงออกจาก 5ชั้น เหลือ4ชั้น เหลือ3ชั้น เหลือ2ชั้น และจนเหลือชั้นสุดท้ายเราจะรู้สึกว่าการที่เราโดนตีนั้นเจ็บที่สุด ชั้นในสุดเปรียบเหมือนอาการที่เราเป็นแล้วยังไม่ได้แก้

         ยิ่งนานวันไป อาการเริ่มต้นจะฝังอยู่ภายในลึกมากขึ้น พังผืดหนาขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นชั้นหนา ชั้นที่หนาขึ้นเรื่อยๆนี้จะไปมีผลต่อการขยับของกล้ามเนื้อนั้นๆ และถ้าอาการบาดเจ็บอยู่บริเวณข้อต่อกระดูกต่างๆ  มีผลทำให้การงอของข้อต่างๆไม่คล่องตัวเหมือนเมื่อก่อน นานวันเข้าแนวพังผืดที่เพิ่มชั้นมากขึ้น ส่งผลทำให้กระดูกแต่ละท่อน ขาดความยืดหยุ่น งอตามข้อไม่ได้

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เสียงดังที่เข่า

เสียงดังที่เข่า
    การนวดเส้น คือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่      
    ลมไหลเวียนเข้าออกได้ทุกรูขุมขนของร่างกาย
    ลมออกตามข้อกระดูก ลมขัดตามท่อนกระดูก
   ในร่างกายเรา ท่อนกระดูกสองท่อนที่เชื่อมต่อกัน ข้อกระดูก เป็นตัวเชื่อมให้ท่อนกระดูกทั้งสองยึดติดกัน และบริเวณที่เป็นข้อ ตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย เป็นบริเวณที่ลมจะไหลเวียนออกนอกร่างกายได้
    ร่างกายเรา เส้นเลือดทั่วร่างกาย เมื่อผ่านจากท่อนกระดูกหนึ่ง ไปยังอีกท่อนกระดูกหนึ่ง เส้นเลือดที่ไหลผ่านข้อกระดูกนี้ เป็นเส้นเลือดเส้นเดียวกัน
     ดังนั้นถ้าลมในกายไหลเวียนดี ลมสามารถเคลื่อนตัวไปได้ตั้งแต่ ปลายเท้า ลำตัว แขน ศีรษะ
   ถ้าเราเกิดอาการบาดเจ็บบริเวณหน้าขา ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าขาบาดเจ็บ ลมไหลเวียนออกนอกกายได้ไม่ปกติ ลมที่ขัดอยู่บริเวณนั้นก็จะไปกดทับกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ถ้าไปขัดบริเวณเข่าก็ไปกดทับกล้ามเนื้อรอบๆหัวเข่า ทำให้เราปวดหัวเข่า จริงๆแล้วเราไม่ได้ปวดหัวเข่าแต่เราปวดกล้ามเนื้อรอบๆหัวเข่า ถ้าเราทำให้ลมที่ขัดอยู่ตามท่อนกระดูกไหลเวียนออกที่ข้อได้ อาการปวดตามข้อจะหายไปเอง

อาการข้างเคียงที่จะได้รับหลังจากที่เรานวดไล่ให้ลมไหลออกจากท่อนกระดูกคือ เราจะมีเสียงลมออกตามเข่า จึงไม่ใช่อาการเข่าเสื่อม
 

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การนวดที่เรื้อรัง

การนวดที่เรื้อรัง
     การนวดเส้น เป็นการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่ ดังนั้นการนวดที่ลมยังไม่มีการไหลเวียนออกนอกกาย ตามรูขุมขนต่างๆ จึงเป็นการนวดที่ยังไม่ครบขั้นตอน ก็จะทำให้อาการที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ ที่ได้นวดบำบัดแล้ว ยังไม่ได้ได้รับการบำบัดในเรื่องของลม ทำให้เกิดอาการเจ็บเรื้อรัง จะบำบัดในวิธีใดๆ จะนานแค่ไหน อาการลึกๆของลมที่ยังไม่ไหลเวียนก็จะคงเก็บอยู่ 10ปี 20ปี ฯลฯ อาการที่ปวดเสียวลึกๆก็ยังคงอยู่ เช่นอาการข้อเท้าแพลง เรารักษาหายแล้ว แต่เวลาเดินก็ยังมีอาการเสียวแปลบๆ ลึกๆ ในข้อเท้า
     มีคนป่วยคนหนึ่ง อยู่แถวถนนพุทธมณฑลสาย3 เป็นผู้ป่วยเรื่องเส้น เกิดจากการประสบอุบัติเหตุ รถยนต์ที่ขับไปชนกับรถคันอื่น ศีรษะซีกขวาได้กระแทกกระจกอย่างแรง
     หลังประสบอุบัติเหตุ ก็รักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน จนอาการที่ปวด บวมจากการกระแทกนั้นหายไป
     หลังจากนั้น1-2ปี มีอาการปวดตึงซีกขวา ตั้งแต่ศีรษะ ตึงถึงเบ้าตา กกหู ตลอดลำตัว ลงไปถึงนิ้วเท้าซีกขวามือ อาการที่เป็นในซีกขวาเด่นชัด และเวลาที่อาการกำเริบก็จะเป็นที่ซีกขวา จนรับรู้ได้
     ส่วนซีกซ้าย มีอาการตึงธรรมดา ศีรษะซีกซ้ายเบาโล่งกว่าซีกขวาที่โดนกระแทก
     ใช้เวลาในการบำบัด ในแต่ละครั้ง ครั้งละ 3 ชั่วโมง ขณะกดนวดไล่ให้ลมไหลออกนอกกายนั้นซีกซ้ายเหมือนปกติที่นวดคือ นวดไปสักพักลมก็จะไหลออกนอกกาย ไปทางเท้า
    ส่วนการนวดไล่ให้ลมไหลออกนอกกายซีกขวา ซีกที่มีอาการปวดตึง  เมื่อกดนวดที่ขาเพื่อที่จะให้ลมไหลออกนอกกาย ไปทางเท้า กลายเป็นว่ามีการกระทุ้ง มีอาการตึงที่บริเวณศีรษะด้านขวาที่เคยโดนชนกระแทก โดยที่ไม่มีลมไหลลงด้านล่างที่ปลายเท้าเลย จนระยะเวลาหนึ่งจึงเริ่มมีลมเริ่มไหลลงผ่านเข่า  จนไปถึงข้อเท้า นิ้วเท้าขวา
     หลังจากนวดครั้งนั้นไปแล้ว ประมาณ 1-2 วัน อาการที่เป็นเรื้อรัง ( เคยเป็นแล้วเราไม่ได้แก้เกี่ยวกับลม )  ก็คลายตัวขึ้นมาอีก ร่างกายซีกซ้ายยังเบาอยู่ แต่ร่างกายซีกขวามีอาการปวดตึงขึ้นมาเหมือนเดิม แต่อาการปวดลึกๆน้อยลงไป
      นวดซ้ำแล้วซ้ำอีก จากนวดอาทิตย์ละครั้ง นานไปกลายเป็น2อาทิตย์นวด1ครั้ง  3อาทิตย์นวด1ครั้ง จนในปัจจุบันอาการที่ปวดมึนศีรษะ ตึงถึงเบ้าตา กกหู ตลอดลำตัว ลงไปถึงนิ้วเท้าซีกขวามือ อาการนี้หายเป็นปกติ คือนวดกดลงบนขา มีลมไหลลงผ่านเข่า  จนไปถึงข้อเท้า นิ้วเท้าขวา
         
    โทรปรึกษาได้นะครับ ธิติ ศุภโชติการกุล ( ผิ่น )
     086-775-7333  /    083-046-7409
Line ID – thiti.d.com

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การแพร่ของลม

  การแพร่ของลม
  จากความหมายของคำว่า นวดเส้นคือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่ ย่อมหมายถึง การนวดบำบัดอาการเกี่ยวกับเส้น ที่ทำให้เลือดและลม ไหลเวียนได้เป็นปกติ การไหลเวียนเป็นการไหลเวียนลมที่เกิดจากการหายใจเข้า และการหายใจออก ตามรูขุมขนต่างๆทั่วร่างกาย เมื่อรูขุมขนตามร่างกาย บางแห่งมีการปิด ทำให้ลมที่จะแล่นไปออกบริเวณนั้นเกิดการขัด ไหลเวียนออกนอกกายไม่ได้ ทำให้เกิดความดันของลมที่ไปขัดอยู่บริเวณนั้น ไปกดทับกล้ามเนื้อ อวัยวะบริเวณนั้น   
   เปรียบแนวเส้นเหมือนการไหลเวียนน้ำในท่อระบายน้ำ ถ้าท่อระบายน้ำอุดตัน น้ำไหลไม่ได้ น้ำเต็มท่อ ถ้าเราลอกท่อระบายน้ำโดยการทะลวงท่อให้น้ำไหลได้ ผลที่ได้คือน้ำที่ค้างท่อก็จะไหลออกไปได้ แต่ที่มากกว่านั้นคือน้ำที่ท่วมค้างอยู่บนพื้น เหนือท่อระบายน้ำ ก็จะไหลตามลงไปด้วย
     เราจึงรู้สึกว่า หลังจากที่เรานวดไล่ให้ลมไหลออกที่หัวเข่า หรือไล่จนลมไหลออกตรงนิ้วเท้า อาการที่เราตึงปวดบริเวณสะโพก ( สลักเพชร)  เอว หลัง บ่า ของเรา ก็จะทุเลาไปในระดับหนึ่ง ทั้งที่เรายังไม่ได้ไปแตะบริเวณนั้น
    เนื่องจากลมที่ไหลออกที่หัวเข่า ออกตามข้อนิ้วเท้า ทำให้ลมบริเวณนั้นมีความหนาแน่นน้อยลง ความดันของลมบริเวณนั้นลดลงมา  อาการแน่น ปวดของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นก็ลดลงมา ทำให้ขาเรามีความรู้สึกว่าเบาสบายขึ้น
     ส่วนแนวสะโพก ( สลักเพชร)  เอว หลัง บ่า ของเรา ขณะที่เรามีอาการตึง ปวด ลมบริเวณนั้นมีความหนาแน่นมาก ความดันของลมบริเวณนั้นไปกดทับกล้ามเนื้อ
      เมื่อเรานวดไล่ให้ลมที่ขาไหลออกหัวเข่า นิ้วเท้าได้ นั่นย่อมหมายถึงบริเวณนั้นมีความหนาแน่นของลมน้อยลง
      การนวดเส้นคือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่ ดังนั้นลมจึงแพร่จากที่ๆมีความหนาแน่นมาก ไหลไปยังที่ๆลมมีความหนาแน่นน้อย  คือลมที่อั้นบริเวณด้านบนร่างกาย ก็ไหลลงมาที่แนวขา และไหลออกไปตามข้อเข่า ข้อตาตุ่ม ข้อเท้า ข้อนิ้วเท้า

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

รูขุมขนตัน

รูขุมขนตัน
   ในเรื่องของลมในร่างกาย เป็นเรื่องที่ต้องจินตนาการ ลมในกายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอาการเจ็บป่วยต่างๆ  หลายๆคนรู้ว่าอาการป่วยที่เกิดกับตัวเรามีเหตุมาจากลม และส่วนมากก็เข้าไปแก้ไขไม่ได้
    จากความหมายของการนวดเส้น คือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่ ดังนั้นถ้าการบำบัดอาการต่างๆในร่างกาย ถ้าเราทำให้ลมไหลเวียนได้เป็นปกติไม่ได้ อาการป่วยไข้ก็จะวนเวียนมาหาเราอย่างไม่มีวันจบสิ้น
      ในทางกรรมฐานเรื่องการหายใจ ปกติแล้วเราหายใจเข้าออกได้ทุกรูขุมขนของร่างกาย ดังนั้นสภาวะที่ธาตุลมในกายเราไหลเวียนไม่สะดวก มีการปิดของรูขุมขน ทำให้ลมที่เข้ามาในกายแล้วไม่สามารถไหลออกไปได้ ทำให้ลมไปอั้นอยู่ตามอวัยวะ ช่องท้อง และใต้ชั้นผิวหนัง จึงทำให้มีแรงกด ความดันของลมที่อั้นอยู่บริเวณนั้นๆ ไปกดทับอวัยวะในช่องท้อง กดทับในศีรษะ กดทับแขน กดทับขา  ลมไปอั้นบริเวณหมอนรองกระดูกความดันของลมจึงไปดันให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวออกจากแนวมาทับเส้นประสาทแขน-ขา ทำให้เกิดอาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท
       การบำบัดอาการที่เกี่ยวกับลม ก็คือการที่ทำให้การไหลเวียนของลมในกายไหลเวียนได้เป็นปกติ ลมเข้าออกตามรูขุมขนได้เป็นปกติ เหมือนกับการกัวซา การครอบแก้วสุญญากาศ เป็นการเปิดรูขุมขนที่อุดตันลมเดินไม่สะดวกในจุดนั้น บริเวณนั้น  ส่วนการนวดไล่ลมนั้น เป็นการเปิดรูขุมขนตามแนวที่เส้นลากผ่าน ไล่จากจุดเดียวลมสามารถทะลุทะลวง ทำให้ไหลเวียนไปได้ไป ตั้งแต่แนวขา แผ่นหลัง ท่อนแขน และสุดท้ายคือไหลผ่านศีรษะ

   
 

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559

ไมเกรน

ไมเกรน
   อาการไมเกรน ก็เป็นอาการหนึ่งที่เกิดจากการที่เลือดและลม ไหลเวียนไม่สะดวก สังเกตไหมว่าเมื่อเรามีอาการปวดศีรษะ ข้างที่มีอาการปวดไมเกรน บริเวณต้นคอจะมีอาการตึงแข็ง ถ้าเราบีบคลายตรงร่องสะบัก แนวบ่า ตรงต้นคอที่ตึงแข็ง กดบริเวณจุดกดใต้ฐานกะโหลก และนวดไล่บริเวณหนังศีรษะ อาการไมเกรนที่เกิดขึ้นก็จะคลายออกไปเอง
     การเกิดอาการไมเกรน ปวดศีรษะ เป็นผลเนื่องจากเลือดลมไหลเวียนไม่ปกติ เมื่อลมไหลเวียนขึ้นข้างบนศีรษะแล้ว ลมจะไปออกตรงประตูลมบริเวณกลางกระหม่อมซึ่งเป็นระยางสุดท้ายที่ลมจะไหลออกจากร่างกาย หลังจากที่ลมไหลเวียนออกที่ปลายเท้า ปลายมือ และสุดท้ายลมจะมาไหลออกที่ศีรษะเป็นจุดสุดท้าย
     ผิวหนังของเรา เป็นเหมือนผิวลูกโป่ง เมื่อร่างกายเรามีปัญหาเกี่ยวกับไหลเวียนของลม รูขุมขนก็จะอุดตัน ลมที่อั้นอยู่ในชั้นกะโหลกศีรษะ เมื่อความเครียดเกิดขึ้น หรือเราไปเจออากาศที่ร้อนๆ ลมที่อยู่ในศีรษะก็จะวิ่งพล่าน แต่ลมในขณะนั้นหารูขุมขนที่จะออกไปนอกกายไม่ได้ ความดันของลมในกะโหลกศีรษะ จึงไปกดทับเนื้อสมอง เส้นเลือดในสมอง
      ลมยิ่งอั้นมากเท่าใด มีอาการไมเกรนบ่อยครั้ง อันตรายของสมองที่เกิดจากการกดทับของลมก็จะมีมากขึ้น ต่อไปก็จะเกิดอาการข้างเคียงขึ้นมา คือความดันโลหิตสูง ตามองเห็นไม่ชัด ลมออกหู ไอจาม แพ้อากาศ 
      การรักษาโดยการทานยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ก็เป็นเพียงแค่กดอาการปวดของร่างกายไว้ หากอาการเรื้อรัง อาจทำให้เส้นเลือดสมองตีบ หรือแตก  ทำให้เป็นอัมพฤกได้


วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แนวบ่า แนวร่องสะบัก

แนวบ่า แนวร่องสะบัก
     บริเวณแนวบ่า แนวร่องสะบัก คือแนวเส้น เป็นทางเดินของลม และเป็นบริเวณที่กักเก็บอาการของแนวที่เกี่ยวเนื่องกันคือ คอ บ่า ไหล่ สะบัก แขน แนวหลังใต้แนวสะบัก แนวหลังติดกระดูกสันหลัง เป็นจุดรวมอาการทางด้านบนของร่างกาย
    ถ้าแนวบ่า แนวร่องสะบักยังไม่ได้แก้ไข แม้เราจะบำบัดอาการต่างๆที่เกิดกับอวัยวะทางด้านบนของร่างกาย คือศีรษะ ต้นคอ ไหล่ แขน อาการที่อวัยวะนั้นๆก็จะทุเลาชั่วคราว เพราะอาการขัดบริเวณร่องสะบัก เป็นจุดรวมของอาการเส้นตึง เมื่อด้านบนลมยังไหลเวียนไม่สะดวก จะถ่ายเทมาทางด้านล่างของลำตัวผ่านสะบัก ผ่านแนวหลังใต้แนวสะบัก ผ่านลงมาถึงเอว ลมวิ่งตัดขวางเข้าแนวหมอนรองกระดูกบริเวณเอว ผ่านลงข้อสะโพก   ผ่านไปแนวขาท่อนบน แนวขาท่อนล่าง ( ข้างขาด้านใน ข้างติดตาตุ่มใน ) ผ่านไปถึงใต้ฝ่าเท้า ร่องนิ้วโป้งเท้า
   อาการที่เกิดจากลมขัดบริเวณรอบๆศีรษะ  ไมเกรน นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ น้ำในหูไม่เท่ากัน ลมออกหู ตามองไม่ชัด ไอจามแพ้อากาศ 
   อาการที่มีอยู่ที่ศีรษะ ทางด้านหนึ่ง ลมก็พยายามดันออกทางศีรษะ ส่วนอีกด้านหนึ่งลมจะไหลมากองที่บ่า สะบัก
   อาการที่เกิดจากลมขัดบริเวณแขน อาการยกแขนไม่ขึ้น แขนชา แขนบวม ปวดแขน ปวดข้อมือ ปวดอุ้งมือ มือชา นิ้วล็อก ชาบริเวณปลายนิ้วมือ อาการมืออ้อมไปข้างหลังไม่ได้ สะบักจม หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทแขน
    อาการที่มีอยู่ที่แขน ทางด้านหนึ่ง ลมก็พยายามดันออกที่ปลายแขน ส่วนอีกทางหนึ่งลมจะไหลมากองที่บ่า สะบัก   

ดังนั้นในการนวดอาการต่างๆที่เกิดขึ้นที่ด้านบน ถ้าเราทำให้ แนวบ่า แนวร่องสะบักกับกระดูกสันหลัง ได้มีการคลายตัวของกล้ามเนื้อ และทำให้แนวร่องนี้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น  บางครั้งแค่เรานวดบำบัดแนวร่องสะบักนี้  อาการปวดด้านบนก็ทุเลาลงแล้ว




วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ปวดตุบตุบบริเวณกล้ามเนื้อ

คุณเคยไหม
 มีอาการปวดตุบๆบริเวณกล้ามเนื้อหรืออวัยวะที่เกิดจากอุบัติเหตุ จากการโดนกระแทก โดนชน โดนฟาด  ซึ่งการที่ร่างกายเราเกิดการกระทบนี้ ทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ และทำให้เลือดลมที่ปกติไหลเวียนออกนอกกายได้ เกิดอาการขัดขึ้นมา
   การหายใจทางจมูกนั้น ที่จริงแล้วก็เป็นทางเข้า-ออกของลมในกายเราทางหนึ่ง เป็นทางที่ลมหรืออากาศจะไหลผ่านมาทางจมูก ผ่านหลอดลม เข้ามาที่ปอดโดยตรง ปอดก็จะแยกเอาก๊าซอ็อกซิเจนไปใช้งาน ไปฟอกเลือดเสียให้เป็นเลือดดี หลังจากนั้นปอดก็จะคลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา เป็นลมหายใจออก
    ปกติแล้วในร่างกายคนเรา ลมในกายเราสามารถไหลเวียน เข้าและออก ได้ทุกรูขุมขน ตามข้อต่างๆ ของร่างกาย  เมื่อร่างกายเราถูกกระทบ ไม่ว่าจะโดนตี โดนรถชน หกล้มมือไปยันพื้น ก้นกระแทก
    ทุกๆการกระทบ กล้ามเนื้อจะบาดเจ็บ ตึง บวมขึ้นมา ทำให้ลม ซึ่งปกติแล้วจะไหลเวียนเข้าออกได้ทุกๆรูขุมขน เมื่อเกิดการกดทับจากกล้ามเนื้อ ปิดรูขุมขนบริเวณนั้น ทำให้เรารู้สึกว่าบริเวณที่บาดเจ็บ จะมีอาการปวดตุบตุบ ทรมาน
     อาการที่ว่านี้ก็คือ การไหลเวียนของลมบริเวณที่กล้ามเนื้อเราบาดเจ็บ ลมขัด ไหลเวียนต่อไปไม่ได้ ทำให้ลมไปอั้นอยู่บริเวณนั้น แล้วไปกดทับกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ทำให้เรามีอาการปวดตุบตุบ อาการนี้จะค่อยๆหายไป เมื่อลมที่ขัดอยู่บริเวณนั้นได้แผ่ออกไปบริเวณอื่น ในร่างกาย เป็นเพียงแค่ลมเปลี่ยนจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ลมที่ว่านี้ยังไม่สามารถไหลออกไปนอกกายได้ ( เปรียบเปรยก็คือ ลมชุดนี้เข้ามาในกายแล้ว แต่ลมชุดนี้ไม่สามารถไหลออกนอกกายได้ ยังคงวิ่งพล่าน วนอยู่ในกาย รอโอกาสที่จะได้ไหลออกนอกกาย )
ยกตัวอย่าง เหมือนกับนกบินเข้ามาในห้อง ที่หน้าต่างเป็นกระจกใสทุกบาน มีหน้าต่างหนึ่งบานที่ไม่ได้ใส่กระจก เราเคยเห็นว่านกบินชนกระจกหลายครั้ง เพื่อที่จะออกไปนอกห้อง แต่ก็ยังออกไปไม่ได้ ล่วงหล่นลงมาที่พื้นห้อง ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเมื่อนกตัวนั้นเปลี่ยนทิศทาง บินไปยังช่องหน้าต่างที่ไม่ได้ใส่บานกระจก นกก็บินออกไปได้ในครั้งเดียว
      สื่อให้เห็นว่า การที่ลมเกิดอาการขัดขึ้นมา ลมไหลเวียนไม่เป็นปกติ เนื่องจากการที่รูขุมขน อุดตัน จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ลมที่จะต้องออกจากกายตามรูขุมขน เมื่อออกไม่ได้ ก็เหมือนกับนกที่บินชนกระจกและทุกๆครั้งก็จะล่วงลงพื้น ( จึงมีอาการปวดตุบตุบ ) และเมื่อเราทำให้ลม เคลื่อนไหลออกนอกกาย ตามรูขุมขน ตามข้อต่างๆได้ อาการปวดตุบตุบนี้ก็จะหายไปเอง


วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ลมที่ไม่ไหลออกนอกกาย

ลมที่ไม่ไหลออกนอกกาย
   เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ทดสอบและเป็นเครื่องยืนยัน ในสิ่งที่ผมเคยกล่าวถึงในบทความที่ผ่านมา ว่าการนวดผ่อนคลาย การนวดแก้อาการ การกดจุด การฝังเข็ม การจัดกระดูก และหลังสุดนี้ที่จะพูดถึงในวันนี้ก็คือการตอกเส้น ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวกับการบำบัดอาการทางกล้ามเนื้อ เส้น ผังผืด การไหลเวียนของเลือดลม ทำให้เกิดการสมดุลขึ้น
    และที่ผมเคยบอกว่า การบำบัดโดยวิธีต่างๆ การไหลเวียนของลมในกาย ยังไหลเวียนไม่สมบูรณ์ คือลมที่ไหลเวียนนี้ส่วนมากยังไม่สามารถไหลออกนอกร่างกายได้ ลมที่เคลื่อนตัวนี้แค่เปลี่ยนบริเวณจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เมื่อลมออกจากที่เดิมก็จะทำให้บริเวณนั้นมีอาการเบาลง และบริเวณที่ลมเคลื่อนไปก็จะมีความแน่น อึดอัดเพิ่มขึ้น เช่นเมื่อเราไปนวดที่บ่า เมื่อนวดกดลงบนบ่า บ่าจะเบาโล่งขึ้นแต่เราจะรู้สึกว่า หลังเอวเราตึงแน่นขึ้นมาเนื่องจากลมที่เปลี่ยนที่จากจุดที่โดนกด มาตามแนวเส้นที่ต่อเนื่องกันคือแนวหลังใต้แนวสะบัก แนวเอว สลักเพชร ฯลฯ  แล้วอีก 2-3วัน ลมที่หนีลงมาที่เอวก็จะทยอยไหลกลับไปที่บ่า ซึ่งแน่นน้อยกว่าเพราะเพิ่งจะนวดลมให้คลายออกไปคาอยู่ที่เอว จึงทำให้เรามีอาการปวดที่บ่ากลับมาเหมือนเดิม
      ที่เกริ่นขึ้นมานี้เพื่อให้เห็นว่า สิ่งที่เจอในวันนั้น ลมเป็นคำตอบที่ทำให้การบำบัดโดยการนวดจัดกระดูกและตามด้วยการตอกเส้นในวันนั้นของคนไข้ผู้ชาย ไม่เบาโล่งทั่วร่างกาย สบายบ่า ส่วนหลัง เอวแน่นปวดเหมือนถูกกระแทกแรงลงมาตรงหลังใต้แนวสะบัก ตัดขวางเข้ามาที่กระดูกสันหลังข้อบริเวณเอว ทำให้มีอาการปวดค้างอยู่ที่เอว ซึ่งก็คือ  ลมที่วิ่งจากบ่าลง มายังไหลเวียนออกนอกกายไปถึงที่สุดของแนวด้านล่างไม่ได้คือแนวขา ลมไปค้างอยู่ที่เอว
      จึงนวดไล่บริเวณแนวเส้นข้างขาด้านในเพื่อให้ลมไหลเวียนออกจากบริเวณเอว สุดท้ายเมื่อลมไหลเวียนผ่านเอวลงมาได้ อาการปวดค้างอยู่ที่เอวก็หายไปเองในช่วงเวลาสั้นๆ
 ส่วนคนไข้หญิง 3-4คนที่ได้รับการบำบัดด้วยการนวดจัดกระดูกและตามด้วยการตอกเส้น ปรากฏว่าเบาหมดทั้ง 3-4คน เพราะอาการขัดของลมที่มาจากแนวเส้นนี้ซึ่งมาจากการที่เราใช้งานอวัยวะส่วนบนของร่างกายคือคอ บ่า ไหล่ ศีรษะ อาการเส้นนี้ยังไม่เรื้อรังมาก ทำให้เมื่อตอกเส้นลงมาลมที่วิ่งลงมาตามแนว วิ่งผ่านมาออกตามข้อต่างๆ ตลอดไปจนถึงนิ้วเท้า จึงทำให้ตอกเส้นแล้วเบาไปทั้งตัว

    ส่วนคนไข้ชาย มีอาการสะสมในแนวนี้มากกว่า ส่วนมากแล้วผู้ชายจะเกิดจากการยกของ ทำให้ปวดหลังปวดเอว อาการก็ไปคาอยู่ที่เอว พอตอกเส้นลงไป ลมก็วิ่งลงไปจากบ่าเหมือนกัน แต่วิ่งไปติดคาอยู่ที่เอว จึงทำให้เกิดอาการปวดแน่นขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วก็คืออาการเริ่มต้นของ หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทขา

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ทำไมต้องขอขมาเจ้ากรรมนายเวร

ทำไมต้องขอขมาเจ้ากรรมนายเวร
    ถ้าจะบอกว่าการป่วยไข้ของคนเรานั้น มาจากเจ้ากรรมนายเวร ถ้าเจ้ากรรมนายเวรเขายังไม่อโหสิกรรมให้เรา ต่อให้มีโอกาสได้รับการรักษากับหมอหรือการรักษาโดยทางเลือกใดๆ การป่วยไข้นั้นก็มิอาจได้รับการบำบัดให้หายได้ ยิ่งรักษาก็จะยิ่งหนักขึ้น ค่าใช้จ่ายก็แพง
    แต่ถ้าหากเจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ การรักษาที่เรื้อรังของเรา อาการก็จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ จนหายเป็นปกติ
     ที่เกริ่นเรื่องการขอขมา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และเจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยเบียดเบียนเขามาในอดีต เพราะการนวดแก้อาการก็คือการนวดเพื่อทำให้อาการเจ็บปวดของร่างกายหายไป และการที่ความเจ็บปวดหายไปก็คือการที่เจ้ากรรมนายเวรเขาอโหสิกรรมให้เรา ไม่เบียดเบียนเราอีก เมื่อบำบัดแล้วการเจ็บปวดก็จะหายไปเอง
      การนวดเส้นก็คือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่ ถ้าลมไม่ไหลเวียนในกาย ลมขัดตรงไหนก็ไปกดทับกล้ามเนื้อ อวัยวะบริเวณนั้น ทำให้เจ็บปวด ดังนั้นถ้าลมไหลเวียนดี ลมไม่ขัดบริเวณอวัยวะและกล้ามเนื้อ ความดันของลมที่ไปกดทับมีน้อยลง อาการปวดก็จะทุเลา และหายไปเอง
      ในส่วนของการนวดไล่ลมนี้ เมื่อนวดแล้ว ถ้าลมในกายไหลเวียนดี คือไหลออกตามข้อกระดูกต่างๆ เริ่มจากขาเป็นรยางค์แรก
      แล้วลมจะเริ่มวิ่งร้อนออกปลายนิ้วเท้า ต่อจากนั้นจะเริ่มร้อนขึ้นไปบนลำตัว ร้อนผ่านบ่า-ไหล่ ลมจะวิ่งร้อนออกมือไปออกปลายนิ้วมือ เป็นระยางที่สอง
       และลมจะเริ่มร้อนวิ่งผ่านต้นคอ ศีรษะ  วิ่งร้อนไปออกที่กระหม่อมเป็นระยางที่สามเป็นจุดสุดท้ายของร่างกาย
       เมื่อใดที่ลมร้อนวิ่งผ่านออกนอกร่างกายตามข้อกระดูก ตามปลายระยางต่างๆ อาการปวดของเราก็จะเบาและหายไปเอง
         ที่เกริ่นว่า ทำไมต้องขอขมาเจ้ากรรมนายเวร เพราะมีกรณีหนึ่งที่คนไข้ คนเดียวกัน คนนวดก็คนเดียวกันคือผม วิธีนวดก็วิธีเดียวกันคือนวดไล่ลม การนวดทั้ง2ครั้งนั้นมีระยะเวลาห่างกันประมาณ 1ปี สิ่งที่ต่างกันคือการยอมให้มีการรักษาของเจ้ากรรมนายเวร
          คนไข้มีอาชีพดูแลผู้ป่วยสูงอายุ มีอาการปวดเมื่อยจากการทำงาน ในครั้งแรกที่นวด คนไข้บอกหลังจากนวด ( มารู้หลังจากที่นวดครั้งที่2แล้ว) ปวดทั้งเวลาที่นวดโดนกายโดนเส้น และยังปวดต่อเนื่องไปอีกหลังจากไม่ได้แตะที่กาย จนการนวดครั้งนั้นเสร็จ คนไข้บอกว่าระบมไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ คนไข้จึงไม่กล้าที่จะนวดกับผมอีกเลยตั้งนั้นมา
          จนกระทั่งเวลาผ่านมาประมาณ1ปี  ก็มีโอกาสได้นวดคนไข้รายเดิมนี้อีกครั้ง แต่การนวดครั้งนี้ต่างกับครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง คือปวดเวลาที่นวดโดนกายโดนเส้น ลมก็วิ่งร้อนออกปลายเท้า เวลาที่ไม่ได้แตะที่กายที่เส้นอาการปวดก็หายไป เบาสบายอย่างที่ไม่เคยเป็น  จนการนวดครั้งนั้นเสร็จ คนไข้บอกว่าไม่มีอาการระบมอีก
           สิ่งที่ต่างกันคือครั้งหลัง นวดแล้วลมวิ่งร้อนออกปลายเท้า คนไข้ตัวเบาสบาย ไม่มีการระบม
                แล้วลมพาอะไรออกไป


    

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ขอขมาพระรัตนตรัย



เมื่อ2เดือนที่แล้ว ได้กล่าวถึงบทที่เกี่ยวกับการขอขมา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอขมา เจ้ากรรมนายเวรในภพชาติต่างๆ และบทอธิษฐานถอดถอนวิชา อาคม มนต์ดำ คุณไสย หรือการถอดถอนคำอธิษฐานใดๆ ที่มีมาในอดีตที่ทำให้เรามีอาการเจ็บไข้ได้ป่วย และขวางการเจริญสมาธิของเรา
     ที่ต้องมีการขอขมา และการถอดถอนมนต์ดำ คำอธิษฐานใดๆ ในอดีตชาติจนถึงปัจจุบัน ก็เพราะในทางพุทธศาสนา การที่ดวงจิตยังไม่นิพพาน ก็จะยังเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ และการที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และการที่ธาตุทั้งสี่มีปัญหาขาดการสมดุล ก็เนื่องมาจากการเบียดเบียนของเจ้ากรรมนายเวรที่เราไปกระทำเขามาในอดีตชาติ  ในภพชาติต่างๆที่ผ่านมา
      และในเวลานี้ เมื่อถึงเวลาที่เจ้ากรรมนายเวรที่อาฆาต ผูกใจเจ็บในการกระทำของเรา ที่ไปกระทำต่อเขา ได้มาเบียดเบียนเรา ในลักษณะที่ทำให้เราเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเป็น
ธาตุดิน อาการที่เกิดกับแขนหัก ขาหัก โรคผิวหนัง ฯลฯ
ธาตุน้ำ อาการเกื่ยวกับเลือด น้ำเหลือง  ฯลฯ
ธาตุลม  อาการเกี่ยวกับลมขัดตามเส้น ลมจุกเสียด  ฯลฯ
ธาตุไฟ  อาการหนาวๆร้อนๆ สะบัดร้อนสะบัดหนาว ฯลฯ
       ดังนั้นเมื่อเจ็บป่วย การที่เราได้ขอขมา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคยล่วงเกิน หรือ ขอขมาเจ้ากรรมนายเวร ที่เราเคยเบียดเบียนมาในอดีตชาติ ในบางครั้งการเจ็บป่วยของเราจะทุเลาจนหายไป หรือจากที่เคยรักษามาอย่างเรื้อรัง ในที่สุดก็สามารถรักษาอาการนั้นจนทุเลา และหายไปได้
                    --------------------------------------------------------------
                                        นะโม 3 จบ ...  
     พุทเธ ธัมเม สังเฆ ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต    
     พุทเธ ธัมเม สังเฆ ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต      
     พุทเธ ธัมเม สังเฆ ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต                                                          
                                             
    ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////  
                                         นะโม 3 จบ ...  
        ด้วยอานุภาพ คุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ พระศรีอริยเมตไตรย พระอุปคุต หากข้าพเจ้าเคยทำผิดต่อคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วย กาย วาจา ใจ ไม่ว่าจะในภพใดชาติใดก็ตาม ด้วยการประมาทพลาดพลั้ง ปรามาส ลบหลู่ ดูหมิ่น ล่วงเกิน  เบียดเบียน ทำร้าย ผู้ใดให้ได้รับทุกข์ทางกายและใจ  เคยทำลายศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนธรรม หรือเคยขวางการกระทำกรรมดี ขวางการปฏิบัติธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระอริยสงฆ์ มีองค์หลวงปู่เจือ สุภโร เป็นที่สุด พระโพธิสัตว์ พระอริยบุคคล ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม ผู้มีฌาน มีอภิญญา ผู้มีศีลมีธรรม รวมถึงบิดามารดา ครูบาอาจารย์ บรรพบุรุษ วงศาคณาญาติ ภรรยาสามี พี่น้องลูกหลาน ผู้มีพระคุณ บริวาร เทพพรหมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากรรมนายเวร ศัตรูหมู่มาร ทั่วโลกทั่วจักรวาล
     ข้าพเจ้ากระทำไปด้วยความโง่ความหลง บัดนี้ข้าพเจ้ารู้เห็นโทษนั้นแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายโปรดอดโทษเว้นโทษให้แก่ข้าพเจ้า นับแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่ มรรคผล นิพพาน เทอญ     
                                                .....................

       ด้วยข้าพเจ้า ปรารถนาที่จะปฏิบัติตามธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากในภพใดชาติใดได้เคยร่ำเรียน เดรัจฉานวิชา เวทมนต์ คาถา อาคม มนต์ดำ คุณไสย อักขระ เลขยันต์ มนต์กาม มนต์เสน่ห์ ทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะได้วิชาเหล่านี้แล้ว ขออธิษฐานถอดถอนออกหากยังมีติดอยู่ในจิต ในกาย ในอวัยยวะภายในทั่วอาการ32 ของข้าพเจ้าและเคยทำใส่หรือผูกมัด กักขังดวงจิตดวงวิญญาณใดก็ตาม ขอปลดปล่อยท่านทั้งหลายให้เป็นอิสระและที่ทำใส่ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ แร่ธาตุทุกชนิดทุกจำพวก ทั่วโลกทั่วจักรวาล หรือมีผู้ใดทำใส่ผูกมัดรัดกายรัดจิตข้าพเจ้า ก็ขอให้เสื่อมสลายมลายสิ้นไป กลับเป็นธาตุบริสุทธิ์ ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก รวมถึงที่ ผูกรัก ผูกใคร่ ผูกหลง ผูกพิศวาส สาปแช่ง อาฆาตแค้น พยาบาท จองเวร จองกรรม คำสัญญาสาบาน คำอธิษฐานใดๆ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ที่ขวางต่อการปฏิบัติ ขอให้เสื่อมสลายเป็นโมฆะ ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน
       กราบขอขมาขออโหสิกรรม ทุกกรรมที่เคยกระทำไปด้วยความโง่ความหลง บัดนี้ได้สำนึกผิดแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลาย ได้โปรดอดโทษและอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญมา จงเข้าไปอยู่ในกายในจิตของท่านทั้งหลาย ให้ท่านทั้งหลายมีความสุขพ้นจากทุกข์ และขออาราธนาเทพพรหมทั้งหลายที่ได้มรรคผลแล้วได้โปรดอนุเคราะห์ดวงวิญญาณเหล่านั้นให้ได้มรรคผลเฉกเช่นเดียวกับท่านทั้งหลายด้วยเถิด

       ด้วยอานุภาพคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระอริยสงฆ์ สาธุ ๆ ๆ