วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

พลังงานที่มากระทบร่างกายแล้วไปไหน ( ตอน1 )

พลังงานที่มากระทบร่างกายแล้วไปไหน
 ( ตอน1 )

     หลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่เห็น ไม่ใช่ว่าไม่มี

     หลายๆกรณีที่คนเราไม่สามารถเห็น หรือสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสตามปกติ คือทางอายตนะทั้ง6 คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เช่น
  ตาคนเราไม่สามารถเห็นกระแสไฟฟ้า ถ้าเราเอามือไปแตะสายไฟฟ้าที่ชำรุดรั่ว ไฟก็จะช็อตเราได้
   ตาก็ไม่เคยเห็นเสียง แต่ถ้าคลื่นเสียงนั้น มากระทบเข้ากับหูเราก็จะรับรู้ และได้ยินเสียงนั้นได้
  ตาก็ไม่เคยเห็นกลิ่น แต่ถ้ากลิ่นนั้นมากระทบที่จมูก เราก็จะสามารถรับรู้ถึงกลิ่นได้
   ตาก็ไม่เคยเห็นลมในร่างกาย แต่กล้ามเนื้อต่างๆที่โดนลมไปกดทับอยู่เท่านั้น ที่รับรู้ถึงผลกระทบที่ลมขัดอยู่ในร่างกาย
   ที่กล่าวนำมานี้ต้องการจะสื่อถึง ร่างกายคนเรามีพลังงานต่างๆที่มากระทบ กระแทกใส่เราหลายรูปแบบ การกระแทกใส่เรา ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเรื้อรังอยู่ภายใน ถ้าเราไม่สามารถนำพลังงานที่สั่งสมนี้ออกไปได้ จะทำให้การบาดเจ็บนี้ก็ยังคงอยู่ต่อไป แม้จะได้รับการบำบัดโดยวิธีใดมาบ้างแล้ว

    นวดไล่ลม เป็นการนวดที่เน้นให้ลมในแนวเส้น ไหลเวียนได้ปกติ คือทำให้ลมไหลออกนอกร่างกายตามรูขุมขน ตามข้อกระดูก และตามทวารต่างๆ ซึ่งการไหลออกของลมนั้นก็นำพาพลังงานต่างๆที่ร่างกายเราเคยโดนกระทบ กระแทก สั่งสมอยู่ภายในร่างกาย  ให้พลังงานที่สั่งสมนั้นไหลออกนอกกายไปด้วย จึงทำให้ร่างกายเราเบาโล่ง และอาการป่วยที่เรื้อรังต่างๆก็หายได้ จะเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของอาการแต่ละผู้ป่วย


    ในตอนหน้าจะยกตัวอย่างของผู้ป่วยที่ร่างกายโดนกระทบจากพลังงาน และการบำบัดโดยการนวดไล่ลม ช่วยได้อย่างไร 

วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

การบำบัดโดยการปรับสมดุลธาตุดินน้ำลมไฟ

การบำบัดโดยการปรับสมดุลธาตุดินน้ำลมไฟ

     ศาสตร์นวดไล่ลม เป็นส่วนหนึ่งของการนวดแผนไทย เพียงแต่เป็นอะไรที่เป็นนามธรรม ผู้ป่วยจะสัมผัสลมในกายได้ บอกอาการที่ลมในกายมีความผิดปกติได้ เช่นลมแน่นในช่องท้อง เสียดที่ลิ้นปี่ ลมออกหู มีอาการเต้นตุ๊บๆในศีรษะ มีอาการคันเหมือนมดเดินใต้ผิวหนัง มีอาการปวดแสบปวดร้อนใต้ผิวหนัง และอาการอื่นๆอีกหลายๆอย่างที่มีผลกระทบจากการที่ลมในกายไหลเวียนไม่ปกติ
      อาการที่เกิดจากการขัดของธาตุลม เครื่องมือและอุปกรณ์ทางแพทย์ปัจจุบันไม่สามารถสัมผัสได้ เช่นเครื่องX-Ray ก็ตรวจไม่เจอ จับภาพลมไม่ได้ คนป่วยบางคนมีอาการแปลบที่หัวใจ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแล้วกล้ามเนื้อหัวใจก็ไม่มีปัญหา
      อาการกรดไหลย้อน ก็เหมือนกันก็เกิดจากการที่ลมในช่องท้องแน่น ลมไปกดกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารหดแล้วขยายตัวไม่ขึ้น น้ำย่อยจึงระเหยขึ้นลำคอได้สูงกว่าปกติ ถ้าเราทำให้ลมในช่องท้องคลายออกมาได้ อาการกรดไหลย้อนก็หายไปเอง
      อาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทขา ก็เกิดจากลมไปขัดที่แนวเอว ( L3 ,L4 ,L5 ) หมอนรองกระดูกจึงเคลื่อนไปกดทับแนวเส้นประสาทขา ทำให้มีอาการชา ปวดตามแนวเส้นประสาทขา ซึ่งบริเวณสะโพก (สลักเพชร) ก็เป็นส่วนหนึ่งของแนวเส้นประสาทขา ถ้าเราทำให้ลมที่ขัดในแนวนี้คลายตัวออก อาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทขาก็จะหายไปเอง อาการปวดสลักเพชร ก็จะหายไปเองโดยที่เราไม่ต้องไปนวดบริเวณสลักเพชร
     อาการป่วยของคนเรานั้น ถ้าเราเข้าใจในเรื่องธาตุทั้งสี่ คือ ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ ร่างกายเราประกอบด้วยธาตุสี่ ทั่วทุกอณูของร่างกาย
      ธาตุดิน เครื่องมือในการรักษาสามารถจับต้องได้
      ธาตุน้ำ เครื่องมือในการรักษาก็สามารถสัมผัส และแก้ไขได้
      ธาตุไฟ เครื่องมือในการรักษาสามารถสัมผัสได้ในระดับหนึ่ง แต่ธาตุไฟก็เป็นธาตุที่มองไม่เห็น บางครั้งเครื่องมือก็ไม่สามารถสัมผัสได้ เช่นบางครั้งเรามีความรู้สึกร้อน ร้อนวูบๆ ร้อนเหมือนเป็นไข้ แต่เมื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย ผลคือร่างกายเราปกติไม่มีไข้ ซึ่งเป็นผลมาจากธาตุลมขัด ธาตุไฟจึงกำเริบ นั่นคือเมื่อลมในกายไหลเวียนไม่ดี ธาตุไฟในกายกำเริบ เราจะรู้สึกร้อนภายใน แต่ธาตุดินและธาตุน้ำปกติ เราจึงไม่มีไข้
      ธาตุลม ธาตุลมและธาตุไฟ เป็นธาตุของภพภูมิที่มีกายทิพย์ การที่มนุษย์มีธาตุดินน้ำลมไฟ เราจึงไม่สามารถใช้มือเราไปจับต้องกายทิพย์ต่างๆได้ เพราะธาตุลมและธาตุไฟในสภาวะจิตที่มีกำลังฌานเท่านั้นจึงสามารถที่จะเห็นและสั
มผัสธาตุทั้งสองนี้ได้ และการที่เราไม่สามารถสัมผัสถึงธาตุลมและธาตุไฟได้นี้ จึงทำให้เราไม่รู้ถึงต้นทางของอาการเจ็บป่วย จะบำบัดอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น
        การนวดเส้น คือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่ การนวดการรักษาต่างๆ ถ้าเราบำบัดได้แค่ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ และอวัยวะต่างๆของร่างกายเท่านั้น แต่เราไม่สามารถบำบัดให้ลมที่ขัดอยู่ทั่วกายเราให้ไหลเวียนได้ดี การไหลเวียนได้ดีจะต้องทำให้ลมไหลเวียนเข้าและออกนอกกายตามรูขุมขน ทุกรูขุมขน ตามข้อกระดูกต่างๆ ไหลเวียนเข้าออกปลายมือ ปลายเท้า ศรีษะ ได้ดีเป็นปกติ

     เมื่อนั้น การป่วยไข้อะไรที่บำบัดไม่หาย ก็จะค่อยทุเลา และหายได้ในที่สุด