วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เหมือนระบมในปาก

เหมือนระบมในปาก

       ผู้ป่วยหญิงคนหนึ่งที่เคยได้นวดบำบัด อาการก้อนลมที่เต้านม อาการนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ป่วยเดิน แล้วจะตกบันไดสะพานลอย จึงคว้าราวบันได เมื่อแขนกระชาก พลังงานสะเทือนเข้ามาตามท่อนแขน ไปสุดที่โคนแขน-รักแร้ 
        หลังจากนั้น2เดือน ปรากฎมีก้อนเกิดขึ้นบริเวณเต้านม ฝั่งติดกับรักแร้ เป็นแขนข้างเดียวกับที่คว้าราวบันไดสะพานลอย เมื่อกดลงบนก้อนนั้น ปรากฎว่ายุบลง แต่ไปโผล่แนวด้านข้าง 
         ภายหลังจากที่นวดไล่ลม ให้ลมที่ขัดในแนวข้างขาด้านใน ( ท่านอนตะแคง ) แนวสะบัก แนวบ่า แนวแขน ให้แนวที่ว่านี้คลายตัว ลมไหลออกนอกกายได้ ปรากฎว่าในขณะที่นวด ก้อนที่ว่านั้นยุบ และหายไป
 
         ในหลักการเดียวกัน ผู้ป่วยอีกรายหนึ่งที่นวดบำบัดอาการลมออกหู มาจากการทำงาน ได้รับเสียงดังเป็นเวลานาน เป็นเวลานานหลายๆปี  เสียงที่ได้ยินช่วงที่อาการหนักๆอยู่ในระดับ 8  ได้ยินทุกวัน 
         หลังจากที่มีการนวดไล่ลม อาการลมออกหูทุเลาลง ยังคงได้ยินเสียง แต่ระดับเสียงที่ได้ยินลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3-4 แต่มีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นคือ

     มีเสียงเหมือนฟันขบกันบริเวณฟันกราม เป็นอย่างนี้ประมาณ10กว่าครั้ง แต่ครั้งหลังสุดมีอาการไม่เหมือนเดิม ครั้งนี้มีอาการเหมือนในช่องปาก กรามระบม มีอาการหนึ่งวันเต็มๆ แล้วอาการก็หายไป  หลังจากนั้นอีก1สัปดาห์ เมื่อไปนวดซ้ำอีกครั้ง อาการเสียงเหมือนฟันขบกันบริเวณฟันกราม อาการกรามระบม ก็ไม่ปรากฎขึ้นอีก

            พลังงานเสียงที่สะเทือนเข้ามาทางหูมากๆนานๆ ทำให้หูอื้อ หูตึง ลมออกหูได้ เมื่อร่างกายเราสั่งสมพลังงานเสียงที่หูมากขึ้นเป็นเวลานานเป็นสิบๆปี พลังงานก็จะค่อยๆขยับเคลื่อนไปแนวที่ต่อเนื่องกันอยู่ ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งแผ่กระจายพลังงานไปเป็นวงกว้างขึ้น 
       หู และ กราม เป็นอวัยวะที่อยู่ใกล้ชิดกัน ดังนั้นพลังงานที่ซึมซับเข้ามาทางการได้ยิน เข้ามาทางหู จึงค่อยๆสั่งสม และกระจายออกรอบๆ ทุกๆด้าน พลังงานจึงเคลื่อนไปถึงกราม สั่งสมไว้นานวัน 

        เมื่อได้รับการกดนวดไล่ลม พลังงานที่สั่งสมในแนวหูเริ่มลดลงมาเรื่อยๆ ดูจากระดับความดังของเสียงลมออกหู ลดลงมา และเริ่มเกิดการคลายตัวของพลังงานที่เคยเคลื่อนมาฝังตัวที่กราม มีการคลายตัวบ่อยขึ้น มีเสียงเหมือนฟันขบกัน ... จนในที่สุด เป็นอาการเหมือนช่องปากระบม เป็นอยู่หนึ่งวันแล้วก็หายไป ถือว่าเป็นสัญญานที่ดี แสดงว่าพลังงานที่เคยเคลื่อนขยายไปตามแนวกราม ที่เคยสั่งสมอยู่ ได้เวลาเริ่มเคลื่อนตัว ไหลออกนอกกายเรา

วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

นอนไม่เต็มอิ่ม นอนตื่นแล้วไม่สดชื่น

นอนไม่เต็มอิ่ม นอนตื่นแล้วไม่สดชื่น

     การพักผ่อนที่ดีที่สุดของร่างกายคือการนอนหลับ อวัยวะและกล้ามเนื้อต่างๆของร่างกายจะได้หยุดพัก หยุดการเคลื่อนไหว อวัยวะหรือกล้ามเนื้อส่วนที่บาดเจ็บก็จะได้รับการพัก เพื่อฟื้นตัว
                         
     แต่ก็มีอวัยวะหรือกล้ามเนื้อเช่นหัวใจ เป็นอวัยวะหรือกล้ามเนื้อที่ไม่มีการหยุดพัก เพราะต้องสูบฉีดเลือดเข้าสู่เส้นเลือดตลอดเวลา และต้องสูบฉีดเลือดไปให้ทั่วถึงทุกเซลล์ ทุกกล้ามเนื้อ ทุกอวัยวะในร่างกาย
       อวัยวะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือสมอง สมองเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกาย สมองมีหน้าที่โดยตรงคือควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายเรา สมองก็มีเส้นเลือดมาเลี้ยงสมอง มีทั้งเส้นเลือดแดงที่นำสารอาหารและก๊าซออกซิเจนมาให้เซลล์สมอง และเส้นเลือดดำที่นำของเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับไปฟอกที่ปอด
     
      การไหลเวียนเลือดที่ไม่ดีพอ ย่อมมีผลทำให้เลือดแดงขึ้นไปเลี้ยงอวัยวะบนศรีษะไม่เพียงพอ เส้นเลือดสมองมีเลือดแดงไหลผ่านในปริมาณที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้สารอาหารและอ็อกซิเจนไม่เพียงพอ ในขณะเดียวกัน ของเสียในเลือดดำก็มีการไหลกลับเข้าไปฟอกที่ปอดได้น้อยกว่าปกติ ของเสียในเลือดดำ และคาร์บอนไดออกไซด์ สั่งสมอยู่ในกระแสเลือด บริเวณสมอง  จึงทำให้เกิดความง่วง หาว นอนไม่เต็มอิ่ม นอนนานๆแต่ก็ไม่สดชื่น ไม่กระปรี้กระเปร่า ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่เลือดลมในกายเราไหลเวียนได้ไม่เป็นปกติ ไม่ดีพอ

      การนวดเส้นคือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่ ทีนี้ลองนึกภาพดูว่า เวลาที่เราตะคริวขึ้นที่ขา ที่น่อง กล้ามเนื้อที่น่องจะแข็ง เกร็ง ตึง เราจะมีอาการปวด เจ็บที่น่อง เมื่อเรานวดคลาย ยืด ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัว เลือดและลมไหลเวียนดีขึ้น อาการตะคริวขึ้น อาการปวดเจ็บ ก็จะหายไปเอง
   
     การที่เส้นคอตึง บ่าตึง ไหล่ตึง กล้ามเนื้อแข็งตัว ย่อมหมายถึงเส้นเลือดฝังตัวอยู่ในกล้ามเนื้อที่แข็ง เกร็ง ส่งผลโดยตรงทำให้เลือดและลมไหลผ่านบริเวณคอ บ่า ไหล่ ได้ไม่สะดวก

      หัวใจก็ต้องพยายามที่จะส่งเลือดให้ผ่านเส้นเลือดแดง เพื่อที่จะนำสารอาหารและก๊าซออกซิเจนขึ้นไปเลี้ยงสมอง แต่ก็ไปได้ไม่เต็มที่
      และหัวใจก็ต้องรับเลือดดำที่จะไหลกลับจากสมองไปฟอกให้เป็นเลือดแดงที่ปอด และการที่คอ บ่า ไหล่ตึงกล้ามเนื้อแข็งตัว นั่นย่อมหมายถึงเลือดดำที่จะไหลกลับมาที่ปอดก็จะมาได้น้อยกว่าปกติ
 
    จึงมาถึงคำตอบที่ถามไว้ว่า ทำไมนอนวันละหลายๆชั่วโมงก็ยังไม่สดชื่น
    การนอนได้เต็มอิ่มหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่ได้นอนนาน7-8ชั่วโมงต่อวัน แต่ขึ้นอยู่กับเลือดลมที่ไหลเวียนในกาย โดยเฉพาะศีรษะ สมอง ผิวหน้า การที่เรามีอาการ ปวดคอบ่าไหล่ ปวดไมเกรน ปวดมึนในศรีษะ ไมเกรนขึ้นตา ปวดขมับ อาการภูมิแพ้ คัดจมูก ไอ จาม หาวบ่อย เรอบ่อย ทั้งหมดนี้เป็นผลกระทบจากการที่เลือดลมไหลเวียนไม่ดี
       เมื่อเลือดแดงขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่พอ เหมือนคนไม่ได้กินข้าว กล้ามเนื้อสมองจะขาดเลือด ทำให้หัวใจต้องพยายามสูบฉีดเลือดไปให้ถึงสมองตามคำสั่งของสมอง ผลข้างเคียงก็คือ ความดันหัวใจก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ และโอกาสต่อไปก็เส้นเลือดสมองตีบ และแตกได้
          และเมื่อเลือดดำไหลกลับเข้ามาที่ปอดได้ไม่เต็มที่เพราะคอ บ่า ไหล่ตึง ของเสียที่ออกมาจากเซลล์กล้ามเนื้อสมองจึงกลับเข้าไปที่ปอดได้ไม่หมด ของเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จึงคั่งค้างอยู่ที่ศีรษะ เราจึงมีความรู้สึกไม่สดชื่น ง่วงนอน นอนไม่อิ่ม ผิวพรรณหยาบกร้าน สิว ฝ้า ขึ้นตามใบหน้า

        เมื่อเราพักผ่อนนอนหลับออกซิเจนก็ยังขึ้นไปเลี้ยงเซลล์สมองไม่เต็มที่ จึงทำให้เมื่อเราตื่นนอนขึ้นมา ไม่สดชื่น หลับไม่ลึก ไม่เต็มอิ่ม หลับตื่นหลับตื่นตลอด เมื่อเราบำบัดให้เลือดและลมไหลเวียนดีแล้ว อาการต่างๆนี้ก็จะหายไปเอง