วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อาการที่ต้องบำบัดโดยท่านอนตะแคง

อาการที่ต้องบำบัดโดยท่านอนตะแคง

           อาการป่วยที่เริ่มต้น เกิดจากส่วนบนของร่างกาย จากศรีษะ แขน อาการคอบ่าไหล่ ก็เป็นอาการที่เกิดจากการที่ธาตุทั้งสี่ ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ ขาดความสมดุลย์ซึ่งกันและกัน
           กล้ามเนื้อตึง แข็ง ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก เมื่อลมไหลออกนอกกายไม่ได้ พลังงานที่เคยสะเทือนเข้ามาในแนวเส้น จึงไม่สามารถเคลื่อนไหลออกไปได้ ทำให้เกิดการสั่งสมของพลังงาน เคลื่อนจากส่วนบนของร่างกาย ค่อยๆคืบคลาน ลงไปตามแนวเส้นนี้
        พลังงานที่เข้ามาทางศรีษะและแนวแขน จะมารวมกันที่แนวเส้นบ่า ค่อยๆไหลลงไปที่แนวสะบัก ไหลลงไปตามแนวหลังใต้แนวสะบัก ต่อไปถึงแนวเอว ตัดขวางเข้าหาแนวกระดูกสันหลังเอว ข้อที่3-4-5 พลังงานเมื่อมาถึงแนวเอวก็จะเคลื่อนผ่านลงไปทะลุแนวกระเบนเหน็บ ลงไปที่แนวข้างขาด้านใน บริเวณขาหนีบ เคลื่อนลงมาอีก ผ่านเข้าไปที่เข่า ลงมาตามแนวเส้นหน้าแข้งด้านใน วิ่งผ่านตาตุ่มด้านใน ผ่านข้อเท้าด้านใน มาที่แนวร่องนิ้วโป้งนิ้วชี้บริเวณฝ่าเท้า
       พลังงานเมื่อเคลื่อนตัวลงมา ถึงเอว ถึงขา อาการที่เราเคยปวดเมื่อยล้าด้านบน เช่นปวดต้นคอ ปวดแขน ปวดเมื่อยบ่าไหล่ ก็จะหายไป จะมีอาการปวดแค่บริเวณเอวและต้นขาเท่านั้น อาการด้านบนที่หายไป ไม่ได้หายไปไหน ก็จะฝังเก็บไว้ภายในแนวเส้น สั่งสมพลังงานนั้นไว้
 ถ้าเราไม่ดึงลมให้ออกนอกกายตามรูขุมขน ตามข้อกระดูก พลังงานที่สั่งสมอยู่นี้ก็จะออกไปจากกายเราไม่ได้
 จะค่อยๆเก็บ ซึมซับพลังงานรอบใหม่ที่จะเข้ามาทางคอบ่าไหล่อีก พลังงานก็จะทับถมเป็นชั้นๆ รอบแล้วรอบเล่า

            เราบำบัดอาการที่เกิดจากคอบ่าไหล่นี้ ทุกกรณีจะเริ่มต้น กดนวดที่แนวข้างขาด้านใน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวเส้น ที่ลมหรือพลังงานเคลื่อนผ่านลงมา เมื่อเรากดนวดไล่ลม ทำให้พลังงานไหลผ่านออกที่ข้อหัวเข่าได้ พลังงานในบริเวณจุดที่กดนวดเบาบางลง ความหนาแน่น ความดันของพลังงานบริเวณขาท่อนบนจนถึงหัวเข่าก็ลดน้อยลงไปจากเดิม
          จากความหมาย การนวดเส้นคือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่ ดังนั้นเมื่อเรากดนวดเส้นที่แนวเส้นข้างขาด้านใน จนความหนาแน่นของพลังงานลดลงมาแล้ว ความหนาแน่นของพลังงานที่อยู่ในแนวด้านบนเหนือจากแนวที่กดนวดยังมีความหนาแน่นพลังงานมากอยู่ และมากกว่าที่แนวข้างขาด้านใน
         พลังงานที่อยู่ในแนวด้านบนเหนือจากแนวที่กดนวด ก็จะเกิดการแพร่ มีการไหลของพลังงานผ่านมาที่ขาท่อนบน และเกิดแรงเฉื่อย พลังงานจะไหลตาม ไปออกที่ข้อหัวเข่า ซึ่งเป็นข้อแรกที่เรานวดไล่ลมที่ขาท่อนบนแล้วต้องไปออกที่เข่า เมื่อเรากดนวดไล่ลมไปเรื่อยๆ พลังงานก็จะค่อยๆทะลุทะลวงไหล ผ่านตามท่อนกระดูก ไปออกที่ข้อกระดูกต่างๆ เริ่มตั้งแต่ออกที่ปลายเท้า แล้วไปออกที่ปลายแขน สุดท้ายพลังงานก็จะเคลื่อนร้อนออกพร้อมกันที่ปลายเท้า ปลายแขน และเคลื่อนร้อนออกที่ศรีษะ ซึ่งเป็นที่สุดของการไหลเวียนของลมในกายนี้

       ดังนั้นอาการต่างๆที่เกิดจากด้านบนเช่น อาการปวดที่ศรีษะ ไมเกรน น้ำในหูไม่เท่ากัน ลมออกหู อาการคอบ่าไหล่ บ่าตึง สะบักจม ยกแขนไม่ขึ้น ปวดแขน แขนตึง ปวดข้อมือ ปวดอุ้งมือ นิ้วล็อค ปวดหลัง – ปวดเอว  อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทขา เพียงแค่เรากดนวดให้ลมไหลออกนอกกายได้ เราก็จะสามารถแก้ไขอาการป่วยเรื้อรังของเราได้ในที่สุด

 หมายเหตุ
      พลังงานที่สะเทือน สะท้านเข้ามาในร่างกายเรา ไม่ว่าจะทางศรีษะหรือทางแขน พลังงานทั้ง2ทิศทางนี้ จะเข้ามารวมกันอยู่ที่แนวบ่า-สะบัก หลังจากนั้นจะเคลื่อนไหลลงมาด้านล่างของร่างกายตามแนวหลังใต้แนวสะบัก พลังงานเคลื่อนต่อไปในแนวตัดขวางเข้าหาแนวกระดูกสันหลังบริเวณกระดูกสันหลังเอวข้อที่3-4-5 เมื่อพลังงานไปกองรวมอยู่ที่แนวกระดูกสันหลังเอว จึงเกิดความดัน มีมวล มีน้ำหนัก ทำให้แนวเส้นบริเวณเอวโป่งพองขึ้น และไปกดทับ ดันหมอนรองกระดูกที่มีลักษณะนิ่ม ให้เคลื่อนออกจากที่ตั้งไปกดทับเส้นประสาทขา มีผลทำให้เกิดอาการไฟช็อต แปลบ ลงไปที่สะโพก สลักเพชร แนวขา ข้อพับขา แนวตาตุ่มนอก และอาการกดทับไปได้ไกลสุดที่ปลายนิ้วก้อย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแนวเส้นประสาทขา การที่เรากดนวด บำบัดแนวที่มีอาการแปลบๆหรือเสียวชานี้บ่อยๆ จะมีผลทำให้เส้นประสาทขาเกิดอาการช้ำได้

       ส่วนพลังงานจะเคลื่อนไหลต่อไป ลงไปที่กระเบนเหน็บ แนวข้างขาด้านใน แนวหน้าแข้งด้านใน ตาตุ่มใน ลงไปสุดที่ฝ่าเท้าบริเวณร่องนิ้วโป้งและนิ้วชี้ แนวนี้ต่างหากที่เป็นต้นเหตุของอาการ และเป็นแนวที่ใช้ในการบำบัด

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ไฟช็อตลงขา

ไฟช็อตลงขา

        อาการไฟช็อตลงขา เป็นผลข้างเคียงจากการที่พลังงานสะเทือนเข้ามาในร่างกาย เข้ามาจากส่วนบนของร่างกาย สั่งสมที่แนวบ่า สะบัก แล้วเคลื่อนไหลลงมาที่ส่วนล่างของร่างกาย ลงมาตามแนวหลังใต้แนวสะบัก ตัดขวางเข้าเอวบริเวณกระดูกสันหลังเอว ข้อ 3-4-5
         พลังงานที่สั่งสมที่แนวกระดูกสันหลังเอวนี้ มีมวล มีน้ำหนัก พลังงานนี้ได้ไปกด ดัน หมอนรองกระดูก ที่อยู่ในที่ตั้ง ให้เคลื่อน ขยับ ออกจากเบ้า ไปกดทับเส้นประสาทขา ซึ่งเส้นประสาทขานี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาท เชื่อมต่อกับสมองที่ไขสันหลัง บริเวณกระดูกสันหลังเอวข้อที่ 3-4-5นี้
          เมื่อพลังงานไปสั่งสมที่แนวเอว ก็เปรียบเหมือนกับสายยางดับเพลิง ถ้าเราไม่เปิดน้ำเข้าไปในสายยาง สายยางจะแบน ราบจนเราสามารถม้วนสายยางกลับเข้าไปเก็บได้ แต่เมื่อเราเปิดวาว์ลน้ำ ให้น้ำไหลเข้ามาที่สายยางดับเพลิง สายยางดับเพลิงจะแข็ง แข็งจนขนาดที่เราขึ้นไปเหยียบก็ไม่ยุบ ถ้าเราปิดน้ำเมื่อไร สายยางก็จะแฟบลงไปเอง
 
         การนวดท่านอนตะแคง คือการกดนวดไล่ลม เส้นข้างขาด้านใน เป็นการดึงลม หรือพลังงานที่สั่งสมมาจากด้านบนของร่างกายให้ไหลออกไปนอกร่างกาย ให้ไปออกที่รูขุมขน ตามข้อต่างๆ เริ่มตั้งแต่ปลายเท้า ปลายมือ ศรีษะ ตามลำดับ 
          เมื่อลมไหลออกที่ข้อเข่า ข้อตาตุ่ม หรือไปออกที่ปลายเท้า ลมจะพาพลังงานให้ไหลออกไปด้วย การสั่งสมพลังงานที่กระดูกสันหลังเอว ข้อที่ 3-4-5 ก็จะน้อยลง  ( เหมือนกับสายยางดับเพลิงที่แฟบลง ) แรงดันที่เคยดันหมอนรองกระดูกให้เคลื่อนออกไปจากที่ตั้งน้อยลง หมอนรองกระดูกก็ค่อยๆถอยกลับเข้าที่ตั้งเดิม ทำให้อาการกดทับที่เส้นประสาทขาก็คลายตัวลงไปด้วย อาการปวดร้าว ไฟช็อตลงขาก็จะค่อยๆลดความรุนแรง และหายไปเอง

         อาการไฟช็อตลงขา เป็นอาการที่เส้นประสาทขาถูกกดทับอย่างแรง นั่นหมายถึงพลังงานที่เยอะมากไปกดทับ เมื่อลมและพลังงานไหลอยู่ในเส้น( เส้นเลือด) พลังงานที่สั่งสมจำนวนมากในแนวเส้น ( ก็เหมือนกับสายยางดับเพลิงที่เปิดให้น้ำไหลเข้ามาจนเต็มสาย ) เส้นเกิดการโป่งพองออกมา ไปกดทับ คาเอาไว้ที่แนวเส้นประสาทขา ทำให้เมื่อเราพลิกตัว หรือมีการเติมพลังงานที่มาจากด้านบนของร่างกายอีก จะเกิดไฟช็อตลงขาทันที่  ในรายที่มีอาการมากเมื่อนวดแนวเส้นในแนวบริเวณกระดูกสันหลังเอวข้อที่ 3-4-5 จะมีอาการปวดร้าวลงมาที่ขา

        ถ้าเราคลายพลังงานให้ออกมาได้ อาการที่ว่านี้ก็จะค่อยๆทุเลา และหายไปเอง

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

นวดไล่ลม ... ดินน้ำลมไฟ

นวดไล่ลม ... ดินน้ำลมไฟ

     หลายๆคนจะไม่คุ้นชื่อ หลายคนไม่เคยได้ยิน และอีกหลายๆคนก็ไม่เคยได้สัมผัส ไม่เคยได้ลองนวดกับการนวดไล่ลมนี้  จริงๆแล้วถ้าเราเคยไปนวด นวดแผนไทย ในท่านอนหงาย หมอนวดค่อยๆใช้อุ้งมือ กดลงที่ประตูลมที่ขาหนีบ ทิ้งไว้สักครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆยกมือขึ้น เราจะรู้สึกถึงความร้อนที่วิ่งผ่านหัวเข่า แล้ววิ่งไปออกที่ปลายเท้า 
      ความรู้สึกนี้ อารมณ์นี้แหละที่ต้องการสื่อให้เห็นว่า เรารู้จักการนวด และวิธีการนวดที่จะทำให้ลมไหลเวียนออกนอกกาย แต่เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการนวดขั้นตอนนี้
       เราเน้นการกดนวดคลายกล้ามเนื้อ คลายพังผืดที่เกาะกล้ามเนื้อ พังผืดที่ยึดตามข้อ เรานวดทำให้เลือดลมไหลเวียนดี แต่การไหลเวียนของลมในร่างกาย ยังคงไหลเวียนอยู่ภายใน ไม่ไหลออกนอกกาย เพียงแค่เคลื่อนหนีออกจากจุดหนึ่ง ไปยังอีกจุดหนึ่ง ไม่กี่วันหลังจากนั้นลมก็จะไหลย้อนกลับไปตำแหน่งเดิมที่เคลื่อนออกมา อาการปวดเดิมๆ ก็จะกลับเป็นขึ้นมาอีก
        การกดนวดไล่ลม เป็นการกดนวดที่เน้นทำให้ลมไหลเคลื่อนออกนอกกาย ออกตามข้อกระดูก ตามทวารต่างๆ และกดนวดเพื่อกระทุ้งให้ลมไหลเข้าและออกได้ ตามรูขุมขนทั่วร่างกาย
         เป็นการนวดที่ปรับสมดุลการไหลเวียนของลมเข้าและออกนอกร่างกาย ลมในกายเราไม่ได้มากเกินกว่าขนาดผิวกายเรา แต่การที่ลมเข้ามาแล้วไหลเวียนออกนอกร่างกายไม่ได้ จะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเมื่อลมไหลออกนอกร่างกายไม่ได้ พลังงานที่เราเคยซึมซับเข้ามาในร่างกายเรา ลมก็ไม่สามารถนำพาพลังงานเหล่านี้ออกนอกร่างกายได้เช่นกัน
      เมื่อลมขัด ไหลเวียนออกนอกกายไม่ได้ พลังงานที่ซึมซับเข้ามาก็ออกไปไม่ได้เช่นกัน การสั่งสมพลังงานเหล่านี้ ทำให้เกิดความร้อนขึ้นภายในร่างกาย แต่เมื่อไม่ได้เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ ร่างกายจึงไม่มีไข้ (ตัวร้อนแต่ไม่มีไข้ )
       เมื่อใดที่เรากระทุ้ง นวดไล่ลมทำให้ลมไหลเวียนออกนอกกายได้ ลมไหลออกตามข้อ ตามทวาร และออกตามรุขุมขนต่างๆ ......พลังงานที่สั่งสมอยู่ภายในก็จะไหลตามออกไปด้วย อาการร้อนภายในกายเราแต่ไม่มีไข้ ก็จะดับลงไปเอง

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เจ้ากรรมนายเวร กับการบำบัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ( 3 / 3 )

เจ้ากรรมนายเวร กับการบำบัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ( 3 / 3 )

ไฟช็อตลงขา นอนหงายไม่ได้ ปวดเดินไม่ได้ ทำงานไม่ได้มา 6เดือน

           อาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทขา ในมุมของการนวดไล่ลมก็คือ การที่ลมไม่ไหลเวียนออกนอกกาย พลังงานที่สั่งสมเข้ามาในกายเราก็ไม่ไหลเวียนออกนอกกายเราด้วย และเมื่อพลังงานที่เคลื่อนลงมาจากด้านบนร่างกาย ไหลลงมาตามแนวเส้น จากแนวสะบัก ลงมาแนวหลังใต้แนวสะบัก ตัดขวางเข้าเอว พลังงานไปค้างคาอยู่บริเวณเอว บริเวณกระดูกสันหลังเอวข้อที่ 3-4-5
          พลังงานไปอั้นอยู่ที่เอว พลังงานจึงไปดันหมอนรองกระดูกเอว ให้เคลื่อนออกไปกดทับเส้นประสาทขา จึงทำให้ผู้ป่วยปวดร้าว ไฟช็อตลงมาตามแนวเส้นประสาทขา โดยเฉพาะข้อพับเข่าด้านนอก

            ผู้ป่วยนอนหงายไม่ได้ เพราะเวลาที่เรานอนหงายพลังงานสั่งสมอยู่ที่กระดูกสันหลังเอว จนบวมเปล่งขึ้นมา ขณะที่เรานอนหงาย ผิวกายเราก็เหมือนผิวลูกโปร่งที่เป่าจนโตเต็มใบ ความดันลมหรือพลังงานที่สั่งสมอยู่ภายในแนวกระดูกสันหลังเอว มีความหนาแน่นของพลังงานสูง เมื่อสัมผัสกับที่นอน ก็คือการกดทับ เป็นการเพิ่มพลังงานเข้าไปที่แนวกระดูกสันหลังอีก พลังงานจึงไปกดดันหมอนรองกระดูกเอว ให้เคลื่อนออกไปจากที่ตั้ง จึงมีผลทำให้ผู้ป่วยมีอาการไฟช็อต ลงมาตามแนวเส้นประสาทขา
     
 การที่ผู้ป่วยกินยาจีนแล้วเรอลมออกมา และทำให้อาการไฟช็อตลงขา มีอาการช็อตเบาลง เป็นต้นทางของความคิดที่ผู้ป่วยคิดว่า ลมอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเรื้อรังนี้

       ประมาณ1-2ชั่วโมง ที่ผู้ป่วย อธิษฐานจิตขอขมากรรมเจ้ากรรมนายเวร แล้วเกิดอาการขนลุกขนพองตามรูขุมขนทั่วร่างกาย  เกิดการเรอ หาว ตลอดเวลา เป็นกลไกทางร่างกายที่พลังงานจะคลายออกมาตามรูขุมขน และทวารต่างๆ
        จนเมื่อผู้นวดเข้าไปถึงทำการนวดให้ การเรอ หาว ขนลุกออก ในขณะที่นวดก็เป็นการคลายพลังงานออกนอกร่างกายเรา ออกทางทวาร ออกตามรูขุมขน เป็นการออกจากการนวดไล่ลมไปกระตุ้น
         
          ถ้าเปรียบก็เหมือนการที่เราค่อยๆปล่อยลมในลูกโปร่งให้ไหลออกมา ลูกโปร่งใบเล็กลง ลูกโปร่งก็จะนิ่มลง
              เมื่อพลังงานเคลื่อนไหลออกไปตามทวาร ตามข้อ ตามรูขุมขน หมอนรองกระดูกก็จะถอยกลับมาอยู่ในแนวปกติ อาการไฟช็อตก็หายไปเอง

               สำหรับอาการของผู้ป่วยนี้ มีอาการมาจากพลังงานที่ไหลลงมาจากส่วนบนของร่างกาย คอบ่าไหล่ ลงมาที่แนวหลังใต้แนวสะบัก ตัดขวางเข้าเอว พลังงานมาสะสมอยู่บริเวณกระดูกสันหลังเอว
               การบำบัดได้เน้นนวดท่านอนตะแคง นวดแนวเส้นข้างขาด้านใน และเส้นหน้าแข้งด้านใน เน้น กดนวดดึงลมให้ไหลออกนอกกาย ออกที่ข้อเข่า ข้อตาตุ่ม ข้อกระดูกเท้า ข้อนิ้วเท้า ออกตามรูขุมขนบริเวณแนวเส้นที่กดนวด
              การกดนวดไล่ลมที่ขาท่อนบน เป็นการคลายกล้ามเนื้อ คลายพังผืด และทำให้ลมในแนวเส้นข้างขาด้านในนี้ ไหลออกที่หัวเข่า ข้อเท้า และข้อกระดูกเท้า
               การกดนวดไล่ลมที่ขาท่อนล่าง เป็นการคลายกล้ามเนื้อ คลายพังผืด และทำให้ลมในแนวเส้นหน้าแข้งด้านในนี้ ไหลออกที่ข้อเท้า และข้อกระดูกเท้า
         
   เมื่อลมในแนวเส้นนี้เคลื่อนไหลออกนอกกายได้ ความหนาแน่นของพลังงานที่สั่งสมอยู่ที่แนวเส้นขาทั้ง2นี้น้อยลง พลังงานที่อยู่ด้านบนเหนือจุดที่เรากดนวดไล่ลม ก็จะเคลื่อนไหล เกิดการแพร่ของพลังงานให้ไหลลงมาตามแนวเส้นข้างขาด้านใน เส้นหน้าแข้งด้านใน ไหลร้อนออกไปถึงปลายเท้า
                พลังงานที่เคยกด เคยดันหมอนรองกระดูกเอวให้เคลื่อนไปทับเส้นประสาทขา เมื่อเกิดการแพร่ ไหลของพลังงาน ให้เคลื่อนไหลไปตามแนวเส้นข้างขาด้านใน ให้ไปสุดที่ปลายเท้า ทำให้ความหนาแน่นพลังงานที่เหลืออยู่ที่แนวกระดูกสันหลัง ไม่มีกำลังเพียงพอที่จะไปดันหมอนรองระดูกให้เคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทขา เมื่อเส้นประสาทขาไม่โดนหมอนรองกระดูกกดทับ อาการไฟช็อตที่ขา ที่ข้อพับเข่า หรืออาการตามแนวสะโพก สลักเพชร ก็จะค่อยๆคลายตัว และหายไปในที่สุด

          วันแรกที่ได้กดนวดไล่ลมให้ผู้ป่วย ปรากฎว่าหลังจากนวดแล้ว ความตึงของขาทั้ง2ข้างน้อยลง อาการปวด ไฟช็อตลงมาที่ขาหายไป
            2-3วันหลังจากนวดไล่ลม อาการปวด ไฟช็อตลงขาไม่มี นานๆทีจะมีอาการเสียวแปลบ บางๆ

            วันนี้ประมาณ1สัปดาห์แล้วที่ผู้ป่วยได้รับการกดนวดไล่ลม อาการตึงตามแนวขาคลายตัว เดินได้นานขึ้น อาการไฟช็อตไม่เกิด นานๆทีจะมีอาการเสียวแปลบ บางๆ อาการโดยรวมเบาลงมามาก และในขณะที่ผู้ป่วยอ่านบทขอขมากรรม วันละหลายรอบ จนในวันนี้ขณะกล่าวขอขมากรรม อาการหาว เรอ น้อยลงไป

เจ้ากรรมนายเวร กับการบำบัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ( 2 / 3 )

เจ้ากรรมนายเวร กับการบำบัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ( 2 / 3 )

-คำขอขมากรรม

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต,อะระหะโต,สัมมาสัมพุทธัสสะ
( 3 จบ)
        ด้วยอานุภาพ คุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ พระศรีอริยเมตไตรย พระอุปคุต หากข้าพเจ้าเคยทำผิดต่อคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยกาย วาจา ใจ ไม่ว่าจะในภพใดชาติใดก็ตาม ด้วยการประมาทพลาดพลั้ง ปรามาส ลบหลู่ ดูหมิ่น ล่วงเกิน เบียดเบียน ทำร้าย ผู้ใดให้ได้รับทุกข์ทางกาย และใจ เคยทำลายศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนธรรม หรือเคยขวางการกระทำกรรมดี ขวางการปฏิบัติธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระอริยสงฆ์ มีองค์หลวงปู่เจือ สุภโร เป็นที่สุด พระโพธิสัตว์ พระอริยบุคคล ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม ผู้มีฌาน มีอภิญญา ผู้มีศีลมีธรรม รวมถึงบิดามารดา ครูบาอาจารย์ บรรพบุรุษ วงศาคณาญาติ ภรรยาสามี ผู้มีพระคุณ บริวาร เทพพรหมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากรรมนายเวร ศัตรูหมู่มาร ทั่วโลกทั่วจักรวาล ข้าพเจ้ากระทำไปด้วยความโง่ความหลง บัดนี้ข้าพเจ้ารู้เห็นโทษนั้นแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายโปรดอดโทษเว้นโทษให้แก่ข้าพเจ้า นับแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่ มรรคผล นิพพานเทอญ
 .......... 
         ด้วยข้าพเจ้า ปรารถนาที่จะปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากในภพใดชาติใดได้เคยร่ำเรียน เดรัจฉานวิชา เวทมนต์ คาถา อาคม มนต์ดำ มนต์กาม มนต์เสน่ห์ คุณไสย อักขระ เลขยันต์ ทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะได้วิชาเหล่านี้แล้ว ขออธิษฐานถอดถอนหากยังมีติดอยู่ในกายในจิตของข้าพเจ้า และเคยทำใส่ หรือผูกมัด กักขังดวงจิตดวงวิญญาณใดก็ตาม ขอปลดปล่อยท่านทั้งหลายให้เป็นอิสระ และที่ทำใส่ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ แร่ธาตุทุกชนิดทุกจำพวก ทั่วโลกทั่วจักรวาล หรือมีผู้ใดทำใส่ข้าพเจ้า ก็ขอให้เสื่อมสลายมลายสิ้นไป กลับเป็นธาตุบริสุทธิ์ ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก รวมถึงคำสาปแช่ง อาฆาตแค้น พยาบาท จองเวร จองกรรม คำสัญญาสาบาน คำอธิษฐานใดๆ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ที่ขวางต่อการปฏิบัติ ขอให้เสื่อมสลายเป็นโมฆะ ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน กราบขอขมาขออโหสิกรรม ทุกกรรมที่เคยกระทำไปด้วยความโง่ความหลง บัดนี้ได้สำนึกผิดแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลาย ได้โปรดอดโทษ และอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญมา จงเข้าไปอยู่ในกายในจิตของท่านทั้งหลาย ให้ท่านทั้งหลายมีความสุขพ้นจากทุกข์ และขออาราธนาเทพพรหมทั้งหลายที่ได้มรรคผลแล้วได้โปรดอนุเคราะห์ดวงวิญญาณเหล่านั้นให้ได้มรรคผลเช่นเดียวกับท่านทั้งหลายด้วยเถิด ด้วยอานุภาพคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระอริยสงฆ์
        สาธุ สาธุ  สาธุ  ......

******************************************************************************

- คำกล่าวเพื่อช่วยเจ้ากรรมนายเวร  ( น้อมจิตถึงเจ้ากรรมนายเวร )

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต,อะระหะโต,สัมมาสัมพุทธัสสะ.
   (๓ จบ)
        ข้าพเจ้าขออาราธนาอานุภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ พระศรีอาริยเมตไตรย พระอุปคุต พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านพ่อลี หลวงปู่เจือ สุภโร  พระโพธิสัตว์กวนอิม พระศิวะ พระนารายณ์ ท้าวมหาพรหม ท้าวเวสสุวรรณ พระยายมราช และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญมา จงเข้าไปอยู่ในกายในจิตเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า และเจ้ากรรมนายเวรของผู้มีกรรมสัมพันธ์กับข้าพเจ้า ให้คลายจากทุกข์ และได้เห็นผลกรรมตามความเป็นจริง เกิดความเบากายเบาใจ และได้มาปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ถึงความสิ้นทุกข์ด้วยเถิด สาธุๆๆ .........

      ขอท่านทั้งหลายกล่าวตามข้าพเจ้าเพื่อให้ถึงความสุขยิ่งๆขึ้นไป

- ขอขมาพระรัตนตรัย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ.
    (๓ จบ)
พุทเธ ธัมเม สังเฆ ปะมาเทนะ ทวารัตตะเยนะกะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุโนภันเต.
    (๓ จบ)
สาธุ สาธุ สาธุ.......

-อาราธนาศีล
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ.
   (๓ จบ)
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ.
    (๓ จบ)
 สาธุ สาธุ สาธุ ....

-สอนสมาธิให้กายทิพย์-

รู้สติที่กายทั่วกาย เห็นกายทั่วกาย เห็นลมทั่วโลก หายใจเข้ารูจมูก ลมออกทั่วกาย ออกทุกรูขุมขนทั่วกาย หายใจออกรูจมูก ลมเข้าทั่วกาย เข้าทุกรูขุมขนทั่วกาย
สาธุ สาธุ สาธุ....

        ท่านใดพ้นทุกข์แล้ว ขอให้ท่านน้อมกราบพระพุทธเจ้า กราบองค์หลวงปู่เจือ สุภโร ธรรมใดที่ท่านได้บรรลุแล้วขอจงมาบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าและผู้มีกรรมสัมพันธ์กับข้าพเจ้าให้ปฏิบัติถึงมรรคผลนิพพานได้โดยง่ายในภพชาตินี้ด้วยเถิด ด้วยอานุภาพคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ สาธุ สาธุ สาธุ.......