วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2561

เจ้ากรรมนายเวร กับการบำบัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ( 1 / 3 )

เจ้ากรรมนายเวร กับการบำบัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ( 1 / 3 )

      บทความนี้เป็นการตอกย้ำ ในสิ่งที่ผมได้เคยกล่าวถึงในบทความก่อนๆ  “เจ้ากรรมนายเวรกับการบำบัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย “ 
    เป็นการบอกกล่าวประสบการณ์ ในการบำบัดอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยหญิงคนหนึ่ง เป็นหญิงสาววัย 50กว่าปี เป็นอาจารย์สอนอยู่โรงเรียนมัทธยม แถวลาดพร้าว บ้านผู้ป่วยอยู่ถนนรามอินทรา เป็นผู้ป่วยอีก 1 รายที่ติดต่อเข้ามาเมื่อ 4วันที่ผ่านมานี้
    อาการที่เป็นอยู่ในขณะนั้นคือ มีอาการเสียวแปลบ ไฟช็อตลงมาที่ข้อพับเข่า และไฟช็อตลงมาที่น่อง อาการนี้เป็นขาข้างขวา
    ส่วนอาการขาข้างซ้าย มีอาการตึงเมื่อย แต่ยังไม่มีอาการไฟช็อตลงมา 

    อาการไฟช็อตลงมาที่ขาข้างขวานี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 ประมาณ6เดือนแล้ว นอนหงายเมื่อใดไฟช็อตลงขาขวาเมื่อนั้น แต่นอนตะแคงไม่เป็นไร การใช้ชีวิตลำบาก ลางานมารักษาตัวจนแทบจะไม่เหลือวันให้ลาพักมารักษาตัวอีกแล้ว

    ก่อน3-4วันที่จะมีการโทรคุยเรื่องลมกับการรักษาอาการนี้ เป็นเหตุบังเอิญที่ทำให้ผู้ป่วยได้แนวความคิดต่างไปจากเดิม คือได้ทานยาของหมอจีนจนครบ 3วันแล้วปรากฎว่ามีอาการ .” เรอ “ออกมาทางปาก
    ทั้งๆที่ป่วยมา6เดือนแล้ว ไม่เรอ ไม่หาว ไม่ผายลม และก่อนที่จะมีการเรอจากการที่ทานยาจีน ในวันนั้นมีอาการไฟช็อตแรงๆ ลงมาถึง 6 ครั้งหลังจากที่เรอออกมาทางปากแล้ว ผู้ป่วยรู้สึกว่า อาการไฟช็อต หรืออาการเสียวแปลบลงมาที่ข้อพับเข่า มีอาการไฟช็อตเบาลง จึงได้สงสัยว่า ลม ที่เรอออกมานี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการไฟช็อตลงขา มีอาการเบาลง จึงค้นหาข้อมูลทางเฟสบุ๊ค หาคำว่า “นวดไล่ลม” จึงได้เบอร์โทรเพื่อติดต่อผม

     สายๆวันนั้นหลังจากนัดเวลาที่จะเข้าไปนวดให้ เนื่องจากผู้ป่วยรู้จักองค์หลวงปู่เจือ สุภโร พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ผมเคยไปนวดถวายให้ ผมจึงส่งไลน์ บทขอขมากรรมเจ้ากรรมนายเวร ที่ผมใช้เป็นประจำ ให้ผู้ป่วยสวดขอขมาเจ้ากรรมนายเวรของเขาไปก่อน ในระหว่างที่รอผมเดินทางไปถึง
     หลังจากที่ขอขมากรรมเจ้ากรรมนายเวรไปแล้ว ปรากฎว่า ผู้ป่วยทั้งเรอ ทั้งหาว ออกมาตลอดเวลา จวบจนผมเดินทางไปถึง

 แล้วอะไรที่ออกมากับลม หาว เรอ

วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2561

อากาศร้อนปวดจี๊ดขึ้นศรีษะ

อากาศร้อนปวดจี๊ดขึ้นศรีษะ 

      ในเดือนเมษายน บ้านเราเป็นฤดูร้อน เป็นช่วงที่อากาศร้อน ในเวลากลางวันบางทีอุณหภูมิอาจจะสูงถึง 40องศาเซลเซียส เมื่อมีความต่างของอุณหภูมิในและนอกร่างกาย ก็จะเกิดการเคลื่อนไหลของลม หรือพลังงานในร่างกายเรา
       อุณหภูมิร่างกายเราปกติ จะอยู่ที่37องศาเซลเซียส ในขณะที่ร่างกายเราอยู่ในอาคารที่มีเครื่องปรับอากาศ ตั้งปรับอากาศในห้องไว้ที่ 25องศาเซลเซียส ลมหรืออากาศที่เคลื่อนไหลในร่างกายเรา จะมีการเคลื่อนตัวช้า สภาวะการไหลเวียนของลมภายในร่างกายเราจะอยู่ในสภาวะปกติ 
       แล้วถ้าวันใดวันหนึ่ง ในตอนเที่ยงวัน เราได้เดินออกมาภายนอกอาคาร อุณหภูมิด้านนอกอยู่ที่ 40องศาเซลเซียส จะมีสภาวะอะไรเกิดขึ้นในร่างกายเรา 
       เราคงเคยได้ยินว่า ถ้าเราติดอยู่ในห้อง ในอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ ถ้าเรายังหาทางออกไม่ได้ ให้เราคลาน ทำตัวให้ต่ำราบกับพื้น ทั้งนี้เพราะอุณหภูมิของอากาศในห้องนั้นเขณะเกิดไฟไหม้ อุณหภูมิจะสูงขึ้น อากาศร้อนจะเคลื่อน ลอยตัวขึ้นด้านบน 
        ร่างกายคนเราในขณะที่เราอยู่ในห้องปรับอากาศ อุณหภูมิ25องศา การเคลื่อนไหลของลมไม่รุนแรงอยู่ในสภาวะปกติ อาการปวดหัว ปวดไมเกรนขึ้นมากะทันหันจึงไม่เกิด ... แต่เมื่อเราเดินออกมานอกอาคารเจออากาศร้อน40องศา อุณหภูมิภายนอกยังสูงกว่าอุณหภูมิของร่างกายเรา 37องศา 
         เมื่อเราเดิน ศรีษะเราจะอยู่ตำแหน่งสูงที่สุดของร่างกายเรา ลมที่ร้อนขึ้นมาในกายเราจึงมีการเคลื่อนไหล ดันขึ้นมาบนศรีษะ ดังนั้นลมที่เคลื่อนไหลขึ้นมา ถ้ารูขุมขน หรือประตูลมที่อยู่บนศรีษะ ได้มีการกดนวดให้รูขุมขน และประตูลมบนศรีษะเปิด การเคลื่อนขึ้นมาของลมก็จะไม่มีผลอะไร
         แต่ถ้าหากเรายังไม่เคยได้รับการบำบัด นวดไล่ลม เปิดประตูลมบริเวณศรีษะ และรูขุมขนบนศรีษะยังปิดอยู่ ลมร้อนที่ไหลเคลื่อนขึ้นมา ขึ้นมาพร้อมพลังงานที่สั่งสม จึงมากดทับ กดดัน ทุกๆอย่างที่อยู่ในช่องกระโหลกศรีษะ เช่นกล้ามเนื้อสมอง เส้นเลือดสมอง ขมับ เบ้าตา เราจึงมีอาการปวดไมเกรน ปวดจี๊ดขึ้นมาบนสมอง 
        ก็ไม่ต่างอะไรกับนกที่หลงบินเข้ามาในห้อง ที่หน้าต่างเป็นกระจกเกือบทุกบาน นกพยายามจะบินออกนอกห้อง นกบินชนกระจก นกเลยออกไปจากห้องไม่ได้ แต่ถ้านกเปลี่ยนช่อง บินไปในช่องหน้าต่างที่ไม่ได้ใส่บานกระจก นกก็จะบินออกไปข้างนอกได้ทันที

          ในเมื่อสภาวะปกติเราก็มีอาการปวดมึนศรีษะอยู่แล้ว สมทบกับลมหรือพลังงานที่เคลื่อนไหลจากด้านล่างขึ้นไปบนศรีษะอีก  จึงทำให้มีอาการปวดตุ๊บๆที่ขมับ หรือในกระโหลกศรีษะ  การบำบัดทำได้เพียงแค่ทำให้ลมหรือพลังงานไหลเวียนออกนอกศรีษะ หรือให้ไหลออกตามรูขุมขนบนศรีษะ เมื่อพลังงานไม่ไปสั่งสมในศรีษะ อาการปวดมึน ปวดจี๊ด ตุ๊บๆ ก็จะหายไปเอง