วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

อะไรอยู่เบื้องหลังการป่วยเรื้อรัง

อะไรอยู่เบื้องหลังการป่วยเรื้อรัง

   การนวดเส้นคือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่
   ร่างกายเราเป็นธาตุสี่ มีดินน้ำลมไฟ จะมีแต่เพียงธาตุดิน ( กล้ามเนื้อ พังผืด เส้นเลือด ฯลฯ  ) ที่ได้รับการบำบัด และธาตุน้ำ ( เลือดแดง เลือดดำ น้ำเหลือง ฯลฯ ) ที่มีการไหลเวียนดีขึ้น การที่เรานวดบำบัดแล้วธาตุลมในกายไม่ได้แก้ไข ธาตุไฟจึงกำเริบ
    ลมที่แล่นไหลออกนอกกาย ลมเป็นแค่พาหนะ นำพาให้พลังงานที่กระทบเข้ามาในกายที่ยังสั่งสมอยู่ ให้ไหลเวียนออกตามรูขุมขน ตามข้อ และตามปลายมือ ปลายเท้า ศีรษะ   

อะไรคือพลังงานที่สั่งสมในกายเรา
    คุณเคยกระโดดจากที่สูง กระโดดลงมาจากต้นไม้ แล้วมีความรู้สึกปวดหลังปวดเอวไหม
    คุณเคยยกสิ่งของ แล้วมีอาการปวดหลังปวดเอวไหม
    คุณเคยลื่นล้มก้นกระแทก แล้วมีความรู้สึกปวดหลัง ปวดเอว ตึงต้นคอไหม
    คุณเคยประสบอุบัติเหตุศีรษะกระแทก แล้วมีอาการปวดศีรษะ ตึงต้นคอไหม อาการภูมิแพ้ หายใจขัด
    คุณเคยอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังมากๆ เป็นเวลานานหลายๆปี แล้วมีอาการปวดหู หูอื้อ ลมออกหูไหม
     คุณเคยลื่นล้ม หรืออุบัติเหตุที่ทำให้แผ่นหลังโดนกระแทก แล้วเกิดอาการจุกเสียด ปวดเมื่อยแผ่นหลัง มีความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนอยู่บริเวณแผ่นหลัง
     คุณเคยแขนกระชากจากอุบัติเหตุ แล้วมีอาการเป็นก้อนลมที่เต้านม  อาการแขนไม่มีแรง ไหล่ติด
     คุณเคยมีอาการเดินมาก ยืนมาก ขับรถนานๆจนปวดหลังปวดเอวไหม
     คุณเคยใช้งานนิ้วมือ อุ้งมือจนมีอาการนิ้วล็อค ปวดข้อมือ หรือไม่
     คุณเคยลื่นล้มหัวเข่ากระแทกพื้นไหม
     คุณเคยลื่นแล้วขาพลิกขาแพลงไหม
     คุณเคยใช้สายตา ใช้งานคอมพิวเตอร์จนมีอาการเมื่อยมือ บ่าตึง ปวดเมื่อยตาไหม
      คุณเคยเครียดจนนอนไม่หลับ จนทำให้เกิดอาการไมเกรนไหม

      ทุกๆอาการที่ยกตัวอย่างมา เป็นที่มาของพลังงานที่กระทบเข้ามาในกาย ทุกๆการเดิน การทำงาน การกระแทก ทุกๆอุบัติเหตุจะมีพลังงานที่สะเทือนเข้ามา พลังงานที่เข้ามานั้นในปกติที่ร่างกายจะเกิดอาการบาดเจ็บเบื้องต้นของการปะทะ เช่นช้ำ บวม โน เคล็ดขัดยอก ปวด หัก ห้อเลือด ช้ำใน หลังจากที่เรารักษาอาการบาดเจ็บให้หาย อาการปวดเมื่อยหายไปแล้ว อาการบวม โน อาการปวดขัดบวมตรงข้อก็ลดลงแล้ว นั่นคือธาตุดินธาตุน้ำได้รับการบำบัด
       แต่ธาตุลมเมื่อโดนพลังงานเข้ามากระทบในกาย การไหลเวียนของลมในขณะนั้นโดนกระทบ ลมไหลเวียนออกนอกกายไม่ได้ ลมยังไม่ได้รับการบำบัด พลังงานที่เข้ามาก็จะสั่งสมไปตามแนวเส้นที่กระทบเข้ามา วันเวลาผ่านไป วัน เดือน ปี 10ปี  20ปี 30ปี พลังงานที่สั่งสมเข้าไปก็จะสั่งสมจนมีพลัง ส่งผลให้ร่างกายบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้หลังค่อม ทำให้ปวดหลังปวดเอว ทำให้เกิดอาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทแขน-ขา  ทำให้ขาโกร่ง อาการรองช้ำ  ทำให้นิ้วล็อค ทำให้เกิดอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน อาการลมออกหู  ไมเกรน อาการภูมิแพ้ อาการจุกเสียด-ลมแน่นท้อง กรดไหลย้อน ฯลฯ
       เมื่อเราปรับสมดุลทำให้ลมในกายไหลเวียนออกนอกกายได้ พลังงานที่สั่งสมอยู่ก็จะค่อยๆลดกำลังลง ( เหมือนลดขนาดลูกโปร่งให้ขนาดเล็กลง ลูกโปร่งก็นิ่มลง )
       เมื่อเราปรับสมดุลให้ธาตุดินน้ำและลมให้ไหลเวียนดีแล้ว อาการตัวร้อนแต่ไม่มีไข้ อาการปวดแสบปวดร้อน คือธาตุไฟก็จะกลับคืนสู่สมดุล นั่นคืออาการร้อนรุ่ม หรือปวดแสบปวดร้อนก็จะหายไปเอง

       การบำบัดร่างกายมนุษย์ที่มีธาตุดินน้ำลมไฟเป็นตัวตั้งต้น ถ้าการบำบัดนั้นธาตุลมยังไม่ได้รับการแก้ไข พลังงานที่สั่งสมเข้ามาในกายตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ไม่ได้รับการแก้ไขด้วยเหมือนกัน การบำบัดอาการต่างๆจึงไม่สามารถแก้ไขทำให้อาการเรื้อรังต่างๆหายไปได้

         เพราะลมเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น โปร่งใส เราไม่มีอุปกรณ์ใดๆที่ตรวจจับวัดลมได้  จะมีแต่คนที่ป่วยในอาการขัดของลมเท่านั้นที่จะเข้าใจ
         ถ้าผิวกายเราเป็นเหมือนผิวลูกโปร่ง เป่าลมให้โตมาก ความดันสะสมมากๆ ลูกโปร่งโตขึ้น โตเต็มที่ลูกโปร่งก็แตก  แต่ผิวกายเราไม่ใช่ผิวลูกโปร่ง ผิวหนังเรายืดหยุ่น ถ้าในเวลาปกติลมไหลออกตามรูขุมขนได้ก็ไม่เกิดอาการอะไร วันใดวันหนึ่งลมไม่สามารถออกตามทวาร รยางค์ รูขุมขนต่างๆได้ ก็เหมือนเราเป่าลูกโปร่งให้โตขึ้น แต่ความดันที่เกิดขึ้นนี้ไม่เพียงแต่ไปกดทับ ดันที่ผิวหนังเท่านั้น แต่ความดันที่เพิ่มขึ้นยังไปกดทับ ดันกล้ามเนื้อ อวัยวะต่างๆในช่องท้อง ในกะโหลกศีรษะ ตามส่วนต่างๆของร่างกาย จึงเป็นเหมือนภูเขาไฟที่รอวันที่มันจะระเบิดขึ้นมาเท่านั้น

วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2560

พลังงานที่มากระแทกร่างกายแล้วไปไหน ( ตอน 7.10 ) นิ้วล็อค นิ้วบวม ปวดข้อมือ อุ้งมือ

พลังงานที่มากระแทกร่างกายแล้วไปไหน ( ตอน 7.10 ) 


นิ้วล็อค   นิ้วบวม  ปวดข้อมือ อุ้งมือ
         อาการขัดของเลือดลมที่เกิดขึ้นบนท่อนแขนและมือ ก็เป็นส่วนหนึ่งของพลังงานที่สะเทือนเข้ามาในกายเราแล้วไหลออกนอกกายไปไม่ได้
        เหมือนกรณีผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการขัดของลมที่ข้อนิ้วมือ ในมือทั้งสองข้าง อาการเริ่มต้นก่อนที่จะเริ่มนวดคือ มีแนวบ่าที่แข็งตึง แน่นทั้งสองข้าง ท่อนแขนบนตึง ท่อนแขนล่างแน่น ที่มือข้างซ้ายมีอาการบวมโตของนิ้วกลาง ที่มือข้างขวามีอาการปวดเจ็บที่โคนนิ้วนาง อาการที่เป็นต้นเหตุให้จะต้องรักษาก็คือการที่ใช้มือทั้งสองข้างไม่สะดวก ใช้ไม่ได้เวลาที่ใช้หยิบจับของ จะตึงเจ็บนิ้วมือ
         ผู้ป่วยได้บำบัดรักษาอาการมาตลอด หลายวิธี มีทั้งการฝังเข็ม และก่อนหน้านี้เคยไปรับการรักษาอาการนิ้วชี้ล็อค ในมือข้างขวาโดยการสะกิดพังผืดที่ยึด จนอาการของนิ้วชี้ข้างขวานี้ปกติไม่ปวดไม่ตึง
          สำหรับการบำบัดอาการขัดของลมที่ทำให้เกิดอาการ นิ้วล็อค นิ้วบวมของมือทั้งสองข้าง ได้เริ่มนวดกดคลายลมที่ขัดที่เส้นข้างขาด้านใน และเส้นหน้าแข้งด้านใน ( ท่านอนตะแคงนวด) ให้ลมแล่นร้อนออกไปข้อเข่า ข้อตาตุ่ม จนไปถึงที่สุดของเท้าให้ลมแล่นร้อนไปออกที่ปลายนิ้วเท้า และแนวต่อไปก็นวดในท่านั่ง เริ่มนวดแนวร่องสะบัก แนวบ่า แนวคอ ศีรษะ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ พังผืดที่เกาะยึดจากแนวบ่าไปจนถึงศีรษะ เพื่อเปิดทางให้การกระทุ้งไล่ลมจากการนวดขาแนวเส้นข้างขาด้านใน ให้ลมไหลออกไปจนถึงศีรษะได้
          เมื่อคลายกล้ามเนื้อคอบ่าไหล่แล้ว ก็นวดแขนตามแนวเส้นแขน ( ท่านอน) เพื่อกระทุ้งให้อาการขัดของลมที่ท่อนแขนคลายตัว ไล่ลมที่ขัดในแนวเส้นให้ไหลร้อนออกจากโคนแขนไปออกที่ปลายนิ้วมือ
          เมื่อเรานวดไล่ให้ลมที่ขัดตั้งแต่โคนแขนทั้งสองข้าง ให้ไหลร้อนผ่านข้อศอก ผ่านข้อมือ ผ่านอุ้งมือ ผ่านนิ้วมือ ในที่สุดลมที่ขัดบริเวณแขนก็จะคลายตัว อาการตึงแขน หนักแขน ปวดข้อมือ ปวดอุ้งมือ นิ้วล็อค นิ้วตึง นิ้วบวม ก็จะค่อยๆทุเลาหายไปในที่สุด
            หลังจากบำบัดอาการไประยะเวลาหนึ่ง แขนซ้ายที่นิ้วกลางอาการบวมลดลงมาอย่างเห็นได้ชัด อาการตึงในแนวนิ้วกลางยังมีอยู่แต่น้อยลงมา
              สำหรับแขนขวาอาการบวมที่โคนนิ้วนางก็ลดลง นิ้วไม่ตึงเจ็บเท่าเมื่อก่อน ถือว่าการบำบัดอาการนิ้วล็อค นิ้วตึง นิ้วบวม หลังจากบำบัดอาการดีขึ้นเรื่อยๆ
             
                ในครั้งหลังที่ได้ไปนวดบำบัด มือขวานิ้วชี้ที่เคยไปผ่า เขี่ยพังผืด จนอาการนิ้วล็อคนั้นหายไปแล้ว ปรากฏว่านิ้วชี้นี้บวมตึงขึ้นมา ทั้งๆที่ไม่ได้กระแทกอะไรมาอีก

 อาการนิ้วชี้บวมนี้บอกอะไรแก่เรา

วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2560

พลังงานที่มากระแทกร่างกายแล้วไปไหน ( ตอน 7.9 ) ลมออกหู

พลังงานที่มากระแทกร่างกายแล้วไปไหน ( ตอน 7.9 )  

ลมออกหู
เสียงที่เราได้ยินเป็นพลังงาน เป็นพลังงานอีกประเภทหนึ่งที่กระทบเข้ามาในร่างกายเราทุกๆเสียงที่เราได้ยิน ก็คือทุกๆพลังงานที่กระทบเข้ามาในร่างกายผ่านทางหู เสียงดังน้อยพลังงานที่เข้ามากระทบร่างกายทางหูก็น้อย เสียงดังมากพลังงานที่เข้ามากระทบก็มากตามไปด้วย
      ในสภาวะปกติ การได้ยินเสียงที่ดังไม่มาก เช่นการได้ยินจากการพูดคุยกันจะเป็นแค่การสั่งสมพลังงานเข้าไปในหูเรื่อยๆ  จะไม่ค่อยมีผลข้างเคียงอะไร ถ้าจะมีปัญหาก็ใช้เวลานานหลายสิบปีที่จะทำให้หูอื้อ
        แต่เสียงดังๆที่กระทบเข้ามาในหูเช่น การทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องอยู่กับเครื่องจักรที่มีเสียงดังตลอดเวลา   ทำงานในสถานบันเทิงที่มีเสียงดัง กระหึ่ม ตลอดเวลาเป็นระยะเวลานานหลายๆปี   การใช้อุปกรณ์หูฟังเสียบที่หู ฟังเสียงที่ดัง ต่อเนื่อง เป็นเวลายาวนาน เป็นปีๆ  หรือการโดนตบบ้องหู
     การที่เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังมากๆ ตลอดเวลา เป็นเวลานานหลายๆปี พลังงานที่สั่งสมเข้าไปในแต่ละวันเริ่มมากจนเต็มแน่น หูเมื่อมีพลังงานที่สั่งสมเข้ามาสูงขึ้น เลือดลมบริเวณหูไหลเวียนไม่ดี ลมที่ไหลเวียนออกนอกกายไม่ได้ ความดันลมหรือพลังงานภายในที่สั่งสมขึ้นมาตามลำดับก็จะมีแรงไปกดทับอวัยวะส่วนต่างๆในหู ทำให้เรามีอาการปวดในหู มีอาการหูอื้อ หูตึง ลมออกหู อาการน้ำในหูไม่เท่ากัน
       และความดันที่เกิดขึ้นนี้ก็ยังส่งผลทำให้อวัยวะใกล้เคียงในศีรษะมีอาการข้างเคียงไปด้วย ตาก็จะพร่ามัว จมูกก็หายใจแห้งๆขัดๆ เป็นอาการภูมิแพ้  เมื่อยขบกรามในช่องปาก มึนศีรษะ รวมทั้งมีอาการตัวร้อนแต่ไม่มีไข้ ทั้งนี้เนื่องจากพลังงานที่เข้ามาแล้วออกไม่ได้
       การที่ธาตุลมขัด ทำให้พลังงานที่สั่งสมในกายเราแล้วออกไม่ได้ ธาตุไฟจึงกำเริบ จึงมีอาการร้อนอยู่ภายในกายโดยที่ไม่มีไข้ บริเวณที่ลมขัดอยู่ค่อยๆแผ่ขยายวงกว้างออกไปยังพื้นที่ใกล้เคียง พลังงานที่สั่งสมจึงไปกดดันกล้ามเนื้อ อวัยวะบริเวณหูและบริเวณอวัยวะใกล้เคียง ทำให้อวัยวะทำงานผิดเพี้ยนไป
         การนวดปรับสมดุลธาตุทั้งสี่ นวดทำให้ลมในกายบริเวณหู ให้ลมไหลเวียนออกนอกกายได้จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เมื่อพลังงานที่สั่งสมน้อยลง อาการต่างๆที่กล่าวมาก็จะคลายตัว และหายไปในที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560

กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง ( ซิกแพค )

กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง ( ซิกแพค )

การนวดเส้นคือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่  จากความหมายของการนวดเส้นบอกอะไรกับเราบ้าง ถ้าเราทำกล้ามเนื้อของเราให้แข็งแรง เช่นกล้ามเนื้อแขน-ขาเป็นมัดๆ กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง ( ซิกแพค ) ฯลฯ
   ลองนึกภาพเวลาที่เรามีอาการตะคริวขึ้นที่น่อง กล้ามเนื้อที่ตะคริวขึ้นนั้นนิ่มหรือแข็ง เวลาที่คนเราว่ายน้ำนานเกินไป หรือแช่อยู่ในน้ำที่เย็นนานเกินไป กล้ามเนื้อที่ตะคริวขึ้นนั้นนิ่มหรือแข็ง
        คนที่มีอาการตะคริวขึ้นที่น่อง จะมีกล้ามเนื้อที่เกร็งแข็ง เวลาตะคริวขึ้นจะมีอาการปวดที่น่อง เมื่อเราทำการบำบัดอาการตะคริวนั้นให้กล้ามเนื้อคลายตัว อ่อนลงแล้ว อาการปวดก็จะหายไป
     ที่กล่าวนำมานี้ เพื่อให้มองสุขภาพของเราในอีกมุมหนึ่ง ไม่ได้บอกว่ากล้ามเนื้อแข็งแรงเป็นมัดๆไม่ดี แต่ให้มองถึงผลข้างเคียงที่จะกระทบกลับเข้ามาที่ร่างกาย เนื่องจากเส้นเลือดผังตัวอยู่ในกล้ามเนื้อ เลือดและลมที่ไหลแล่นอยู่ในเส้นเลือดที่กล้ามเนื้อแข็งตึง ความยืดหยุ่นของเส้นเลือดย่อมน้อยลง การไหลเวียนของเลือดและลมก็ด้อยประสิทธิภาพลงไป ทำให้เราเกิดการป่วยขึ้นมา
   กล้ามเนื้อแน่น ทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงอวัยวะปลายทางได้ไม่สะดวก และไม่พอเพียงและมีผลทำให้ลมในกายไหลเวียนออกนอกกายตามข้อ ทวาร และรูขุมขนต่างๆได้น้อยลง เกิดมีอาการขัดของลมอยู่ภายใน
     เวลาที่เรานวดบำบัด หรือแม้แต่การนวดผ่อนคลาย ก็จะเป็นการนวดคลึงให้กล้ามเนื้อและพังผืดคลายตัว อ่อนลง หลังนวดเราจึงมีความรู้สึกว่าเบาสบาย  ถ้าเราออกกำลังเพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง ก็เป็นการลดความสามารถของร่างกายในการไหลเวียนเลือดและลมด้วย ทางแก้ที่สำคัญคือต้องมีการยืดคลายกล้ามเนื้อที่แข็งนั้นออกด้วยโดยการเล่นโยคะ ชี่กง ไท้เก๊ก ก็ได้
      เนื่องจากรอบๆสะดือเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นประธานสิบ เส้นใหญ่ๆที่สำคัญในร่างกายทั้งสิบเส้น เริ่มต้นจากรอบๆสะดือนี้ ถ้าเราทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง แนวเส้นที่อยู่รอบๆบริเวณนี้ การไหลเวียนเลือดและลมก็จะไม่ปกติ ก็จะส่งผลกระทบทำให้การทำงานของอวัยวะทั่วร่างกายโดนกระทบไปหมด

วันอังคารที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2560

ทำบอลลูนระบบลมในเส้น

ทำบอลลูนระบบลมในเส้น

การนวดเส้นคือ การนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่
       ลมที่แล่นอยู่ในร่างกายเป็นนามธรรม ไม่สามารถจับต้องได้ เครื่องมือทางแพทย์ปัจจุบันมิอาจตรวจพบได้ จะมีแต่ผู้ป่วยที่เกิดจากการขัดของลม ที่ลมในกายไหลเวียนออกนอกกายได้ไม่เป็นปกติ  ที่ป่วยจนอาการเรื้อรังแล้วเท่านั้นที่จะเข้าใจ
   มีอาการร้อนผ่าวๆอยู่ในกายแต่ไม่มีไข้
   มีอาการปวดแสบปวดร้อนตามแนวที่เคยโดนกระแทก
   มีความรู้สึกคันเหมือนมดไต่อยู่ใต้ผิว
   อาการลมแน่นท้อง เสียดลิ้นปี่
   ตามองเห็นไม่ชัด ลมออกหู อาการภูมิแพ้หายใจแห้งๆไม่มีน้ำมูก มึนในศีรษะ
    มีอาการเสียวแปลบที่ข้อเท้า ที่หายบวม หายปวดมานานเป็นสิบๆปี
       ฯลฯ  
        อาการทั้งหมดนี้เป็นผลพวงที่มาจากการที่เลือดและลมไหลเวียนไม่ปกติ เวลาที่เส้นเลือดหัวใจอุด ตีบ ตัน จนทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ  เรายังสามารถทำบอลลูนเส้นเลือด โดยการสอดเครื่องมือทางการแพทย์เข้าไปเคลียร์ไขมันที่อุดตันในเส้นเลือด จึงทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจได้ตามปกติ
        แต่เวลาที่ลมในกายเรามีอาการขัด ไหลเวียนไม่เป็นปกติ การไหลเวียนของลมในเส้น ก็คือในแนวเส้นเลือดนั้นลมอุดตันจะไหลเวียนออกนอกร่างกายไม่ได้ จึงทำให้เกิดอาการต่างๆของโรคที่เกิดจากการขัดของลม การนวดไล่ลมเปรียบแล้วก็เหมือนการลอกท่อระบายน้ำ ถ้าเราลอกท่อระบายน้ำแล้ว ถ้าฝนตกลงมา น้ำก็จะไหลลงท่อระบายน้ำ แล้วไหลลงบ่อน้ำทิ้ง การท่วมของน้ำบนผิวถนนจึงไม่เกิดขึ้น
        การกดนวด โดยการนวดไล่ลม เป็นการกดนวดที่ทำให้ลมในเส้น หรือลมในเส้นเลือดมีการไหลเวียนดีขึ้น เหมือนกับการทำบอลลูนในทางการแพทย์ปัจจุบันที่ใช้เครื่องมือช่วยในการไหลเวียนของเลือด  การนวดไล่ลม ถ้าเปรียบแล้วก็คือการทำบอลลูนระบบการไหลเวียนของลมในเส้นเลือด สามารถบำบัดทำให้ลมที่ขัดตามเส้นเลือดให้ไหลเวียนได้เป็นปกติ  คือลมไหลออกตามข้อต่างๆ ออกตามทวารต่างๆ ออกตามรูขุมขนต่างๆทั่วร่างกาย อาการที่เป็นอยู่ก็จะคลายและหายไปเอง

       
 

วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560

ความสัมพันธ์ธาตุดินน้ำลมไฟ

ความสัมพันธ์ธาตุดินน้ำลมไฟ

       การบำบัดธาตุทั้งสี่ในร่างกายเราเป็นเรื่องที่สำคัญ ธาตุทั้งสี่มีความสัมพันธ์กัน  ไม่ใช่แค่บำบัดแต่ธาตุดินและธาตุน้ำเท่านั้น แต่ธาตุลมและธาตุไฟที่เรามองไม่เห็น เราก็ต้องบำบัดด้วย ต้องบำบัดให้ธาตุทั้งสี่กลับมามีความสมดุลตามปกติของร่างกาย
ธาตุดิน
 ต้องนวด คลึง คลายให้กล้ามเนื้อคลายตัวไม่แข็งตึง เส้นเลือดที่ตีบตันก็จะขยายขึ้นได้
  , ต้องนวดคลึงให้พังผืดคลายตัว
ธาตุน้ำ
  เมื่อนวดกล้ามเนื้อให้คลายความความตึงแล้ว การไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดก็จะดีขึ้น จะฟื้นตัวขึ้นมา
ธาตุลม
  การนวดเส้นคือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่ เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว เส้นเลือดก็ขยายตัวได้ดีขึ้น เลือดก็ไหลเวียนได้ดีขึ้น ลมซึ่งไหลเวียนอยู่ในเส้นก็จะไหลเวียนเข้า-ออกนอกกายได้ดีขึ้น อาการลมที่ขัดในร่างกายก็จะเบาลง
ธาตุไฟ
  การที่ลมไหลเวียนออกนอกกายได้ ลมจะลากพาให้พลังงานที่เก็บสั่งสมในร่างกายให้คลายตัวไหลออกไปนอกร่างกายตามทวารต่างๆ รยางค์ต่างๆ ตามข้อต่างๆ ตามรูขุมขนทั่วร่างกาย  ทำให้อาการตัวร้อนแต่ไม่มีไข้จะดับและหายไปเอง
    ที่กล่าวมาคือความสัมพันธ์ ธาตุดินน้ำลมไฟ ในร่างกาย ทำไมเราถึงบำบัดอาการเรื้อรังไม่ได้ เพราะเราไม่ได้แก้อาการขัดของลม เมื่อเราบำบัดทำให้ธาตุลมไหลเวียนได้ปกติ ลมจะลากพาให้พลังงานที่เก็บสั่งสมในร่างกายให้คลายตัว ไหลออกไปนอกร่างกายตามทวารต่างๆ รยางค์ต่างๆ ตามข้อต่างๆ ตามรูขุมขนทั่วร่างกาย อาการเรื้อรังต่างๆที่รักษามานาน ก็จะค่อยๆทุเลาหายไปเอง

วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

ดับอาการร้อนในกาย

ดับอาการร้อนในกาย

           วันนี้จะพูดถึงผลข้างเคียงที่ได้จากการนวด ถ้าเราสามารถนวดปรับธาตุทั้งสี่ คือดินน้ำลมไฟ ให้ค่อยๆกลับมาสู่สมดุลของร่างกายคือ
   ธาตุดิน กล้ามเนื้อไม่ตึง เกร็ง แข็ง พังผืดก็ถูกนวดคลึงให้สลายออกไป การทำงานของของกล้ามเนื้อ อวัยวะนั้นๆกลับมาเป็นปกติ
   ธาตุน้ำ ระบบไหลเวียนเลือดแดง เลือดดำ น้ำเหลือง ไหลเวียนได้เป็นปกติ
   ธาตุลม การไหลเวียนของลมในกายไม่เกิดการติดขัด ลมออกตามรูขุมขนได้เป็นปกติ  เมื่อลมไหลเวียนได้พลังงานที่เคยสะเทือนเข้ามาในกายก็ระบายออกนอกกายเราไปได้
   ธาตุไฟ อาการที่เกิดจากธาตุลมขัดทำให้ธาตุไฟกำเริบ การที่มีความรู้สึกร้อนผ่าวๆอยู่ในตัว แต่เมื่อวัดอุณหภูมิในกายแล้วไม่มีไข้ จะกินยาลดไข้ กินฟ้าทลายโจรความร้อนในกายก็ไม่ดับไป  เมื่อเราปรับสมดุลธาตุลมในกายได้แล้ว อาการร้อนในกายนี้ก็จะหายไปเอง
      การนวดผ่อนคลาย การนวดน้ำมัน  นวดแก้อาการ การฝังเข็ม จัดกระดูก โดยรวมแล้วช่วยปรับสมดุลธาตุดิน ธาตุน้ำ
       แต่ถ้าเรานำแนวทางการนวดไล่ลมเข้าไปผสมผสาน ก็จะสามารถบำบัดได้ทั้งธาตุทั้งสี่ ดินน้ำลมไฟ บำบัดอาการเรื้อรังที่บางคนเป็นมาหลายสิบปีให้หายได้ หายเร็วหายช้าก็อยู่ที่ความแปรปรวนของธาตุทั้งสี่ อาการหลายๆอย่างเช่น อาการร้อนข้างในกาย แต่ไม่มีไข้  อาการเจ็บลึกๆตรงบริเวณแนวกล้ามเนื้อ อวัยวะที่เคยบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เคยโดนรถชน ตกจากที่สูง ศีรษะกระแทก แขนกระชาก ลื่นล้มก้นกระแทก หลังฟาดพื้น ขาพลิกขาแพลง อาการขัดของลมในเส้นต่างๆ
      อาการต่างๆที่ได้กล่าวมานี้แม้ว่าเราจะกินน้ำมากๆ กินสมุนไพรที่ช่วยดับร้อนใน ความร้อนผ่าวในกายก็ไม่ดับลงไป เพียงแค่เราปรับธาตุลมที่ขัดในกายเรา ให้ไหลเวียนออกนอกกายได้เป็นปกติ ตามแขนขาศีรษะ ตามทวารต่างๆ ตามข้อต่างๆ ตามรูขุมขนต่างๆทั่วร่างกาย เมื่อนั้นอาการร้อนในกายแต่ไม่มีไข้ที่เป็นเรื้อรังมา ก็จะค่อยๆดับลงไปเอง