วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

อะไรอยู่เบื้องหลังการป่วยเรื้อรัง

อะไรอยู่เบื้องหลังการป่วยเรื้อรัง

   การนวดเส้นคือการนวดเส้นที่มีเลือดและลมแล่นอยู่
   ร่างกายเราเป็นธาตุสี่ มีดินน้ำลมไฟ จะมีแต่เพียงธาตุดิน ( กล้ามเนื้อ พังผืด เส้นเลือด ฯลฯ  ) ที่ได้รับการบำบัด และธาตุน้ำ ( เลือดแดง เลือดดำ น้ำเหลือง ฯลฯ ) ที่มีการไหลเวียนดีขึ้น การที่เรานวดบำบัดแล้วธาตุลมในกายไม่ได้แก้ไข ธาตุไฟจึงกำเริบ
    ลมที่แล่นไหลออกนอกกาย ลมเป็นแค่พาหนะ นำพาให้พลังงานที่กระทบเข้ามาในกายที่ยังสั่งสมอยู่ ให้ไหลเวียนออกตามรูขุมขน ตามข้อ และตามปลายมือ ปลายเท้า ศีรษะ   

อะไรคือพลังงานที่สั่งสมในกายเรา
    คุณเคยกระโดดจากที่สูง กระโดดลงมาจากต้นไม้ แล้วมีความรู้สึกปวดหลังปวดเอวไหม
    คุณเคยยกสิ่งของ แล้วมีอาการปวดหลังปวดเอวไหม
    คุณเคยลื่นล้มก้นกระแทก แล้วมีความรู้สึกปวดหลัง ปวดเอว ตึงต้นคอไหม
    คุณเคยประสบอุบัติเหตุศีรษะกระแทก แล้วมีอาการปวดศีรษะ ตึงต้นคอไหม อาการภูมิแพ้ หายใจขัด
    คุณเคยอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังมากๆ เป็นเวลานานหลายๆปี แล้วมีอาการปวดหู หูอื้อ ลมออกหูไหม
     คุณเคยลื่นล้ม หรืออุบัติเหตุที่ทำให้แผ่นหลังโดนกระแทก แล้วเกิดอาการจุกเสียด ปวดเมื่อยแผ่นหลัง มีความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนอยู่บริเวณแผ่นหลัง
     คุณเคยแขนกระชากจากอุบัติเหตุ แล้วมีอาการเป็นก้อนลมที่เต้านม  อาการแขนไม่มีแรง ไหล่ติด
     คุณเคยมีอาการเดินมาก ยืนมาก ขับรถนานๆจนปวดหลังปวดเอวไหม
     คุณเคยใช้งานนิ้วมือ อุ้งมือจนมีอาการนิ้วล็อค ปวดข้อมือ หรือไม่
     คุณเคยลื่นล้มหัวเข่ากระแทกพื้นไหม
     คุณเคยลื่นแล้วขาพลิกขาแพลงไหม
     คุณเคยใช้สายตา ใช้งานคอมพิวเตอร์จนมีอาการเมื่อยมือ บ่าตึง ปวดเมื่อยตาไหม
      คุณเคยเครียดจนนอนไม่หลับ จนทำให้เกิดอาการไมเกรนไหม

      ทุกๆอาการที่ยกตัวอย่างมา เป็นที่มาของพลังงานที่กระทบเข้ามาในกาย ทุกๆการเดิน การทำงาน การกระแทก ทุกๆอุบัติเหตุจะมีพลังงานที่สะเทือนเข้ามา พลังงานที่เข้ามานั้นในปกติที่ร่างกายจะเกิดอาการบาดเจ็บเบื้องต้นของการปะทะ เช่นช้ำ บวม โน เคล็ดขัดยอก ปวด หัก ห้อเลือด ช้ำใน หลังจากที่เรารักษาอาการบาดเจ็บให้หาย อาการปวดเมื่อยหายไปแล้ว อาการบวม โน อาการปวดขัดบวมตรงข้อก็ลดลงแล้ว นั่นคือธาตุดินธาตุน้ำได้รับการบำบัด
       แต่ธาตุลมเมื่อโดนพลังงานเข้ามากระทบในกาย การไหลเวียนของลมในขณะนั้นโดนกระทบ ลมไหลเวียนออกนอกกายไม่ได้ ลมยังไม่ได้รับการบำบัด พลังงานที่เข้ามาก็จะสั่งสมไปตามแนวเส้นที่กระทบเข้ามา วันเวลาผ่านไป วัน เดือน ปี 10ปี  20ปี 30ปี พลังงานที่สั่งสมเข้าไปก็จะสั่งสมจนมีพลัง ส่งผลให้ร่างกายบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้หลังค่อม ทำให้ปวดหลังปวดเอว ทำให้เกิดอาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทแขน-ขา  ทำให้ขาโกร่ง อาการรองช้ำ  ทำให้นิ้วล็อค ทำให้เกิดอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน อาการลมออกหู  ไมเกรน อาการภูมิแพ้ อาการจุกเสียด-ลมแน่นท้อง กรดไหลย้อน ฯลฯ
       เมื่อเราปรับสมดุลทำให้ลมในกายไหลเวียนออกนอกกายได้ พลังงานที่สั่งสมอยู่ก็จะค่อยๆลดกำลังลง ( เหมือนลดขนาดลูกโปร่งให้ขนาดเล็กลง ลูกโปร่งก็นิ่มลง )
       เมื่อเราปรับสมดุลให้ธาตุดินน้ำและลมให้ไหลเวียนดีแล้ว อาการตัวร้อนแต่ไม่มีไข้ อาการปวดแสบปวดร้อน คือธาตุไฟก็จะกลับคืนสู่สมดุล นั่นคืออาการร้อนรุ่ม หรือปวดแสบปวดร้อนก็จะหายไปเอง

       การบำบัดร่างกายมนุษย์ที่มีธาตุดินน้ำลมไฟเป็นตัวตั้งต้น ถ้าการบำบัดนั้นธาตุลมยังไม่ได้รับการแก้ไข พลังงานที่สั่งสมเข้ามาในกายตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ไม่ได้รับการแก้ไขด้วยเหมือนกัน การบำบัดอาการต่างๆจึงไม่สามารถแก้ไขทำให้อาการเรื้อรังต่างๆหายไปได้

         เพราะลมเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น โปร่งใส เราไม่มีอุปกรณ์ใดๆที่ตรวจจับวัดลมได้  จะมีแต่คนที่ป่วยในอาการขัดของลมเท่านั้นที่จะเข้าใจ
         ถ้าผิวกายเราเป็นเหมือนผิวลูกโปร่ง เป่าลมให้โตมาก ความดันสะสมมากๆ ลูกโปร่งโตขึ้น โตเต็มที่ลูกโปร่งก็แตก  แต่ผิวกายเราไม่ใช่ผิวลูกโปร่ง ผิวหนังเรายืดหยุ่น ถ้าในเวลาปกติลมไหลออกตามรูขุมขนได้ก็ไม่เกิดอาการอะไร วันใดวันหนึ่งลมไม่สามารถออกตามทวาร รยางค์ รูขุมขนต่างๆได้ ก็เหมือนเราเป่าลูกโปร่งให้โตขึ้น แต่ความดันที่เกิดขึ้นนี้ไม่เพียงแต่ไปกดทับ ดันที่ผิวหนังเท่านั้น แต่ความดันที่เพิ่มขึ้นยังไปกดทับ ดันกล้ามเนื้อ อวัยวะต่างๆในช่องท้อง ในกะโหลกศีรษะ ตามส่วนต่างๆของร่างกาย จึงเป็นเหมือนภูเขาไฟที่รอวันที่มันจะระเบิดขึ้นมาเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น