วันพุธที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2561

นวดหาย นวดไม่หาย

นวดหาย นวดไม่หาย

          ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจ เกี่ยวกับลักษณะอาการของแนวเส้น ( เลือด ลม ) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้การบำบัด ผู้ป่วยแต่ละคน แต่ละอาการให้ผลออกมาได้ผลไม่เหมือนกัน  หมอนวดคนเดียวกัน บำบัดอาการผู้ป่วยแต่ละคน โดยวิธีการนวดเดียวกัน แต่ทำไมผลการนวดบำบัด ให้ผลออกมาที่ต่างกัน
         อาการหนักเบาไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ เดี๋ยวนี้เด็กหรือวัยรุ่นที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกๆวัน ใช้สมาร์ทโฟนเล่นโซเชียลมีเดีย ฯลฯ  ทำให้เกิดอาการออฟฟิตซินโดรม อาการคอบ่าไหล่ อาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทแขน-ขา เดี๋ยวนี้อาการปวดเส้นไม่ได้เกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้นแล้ว วัยรุ่นส่วนมากก็เป็นกัน
           อาการหนักเบาไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ วัยรุ่นบางคนอาการเส้นเข้าขั้นว่าหนักกว่าผู้สูงวัย ที่เป็นอย่างนี้ได้เนื่องจากการตรากตรำทำงานหนักตั้งแต่เด็ก และการที่เคยประสบอุบัติเหตุ ส่วนของร่างกายโดนกระแทก กระชาก โดนชน เช่นโดนรถชน ตกจากที่สูง ล้มก้นกระแทก แตะฟุตบอลแล้วขาพลิกแพลง เมื่อกล้ามเนื้อบาดเจ็บพังผืดจึงเกิดขึ้นมา
           ความเครียด การพักผ่อนไม่พอ อากาศร้อนหรือเย็นมากเกินไป เป็นตัวกระตุ้นทำให้อาการของเส้นที่มีอยู่แล้ว ให้กำเริบหนักขึ้นไปอีก
           ในบางรายที่เคยพบ หลังจากการป่วยแพ้ยา ในการรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน ก็กระตุ้นทำให้อาการเส้นกำเริบขึ้นมาได้
            การเจ็บป่วยในร่างกายเรา เราป่วยได้ทุกๆธาตุ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุดินคือ อาการที่เกิดกับกล้ามเนื้อที่มีพังผืดมายึด เส้นเลือด กระดูก กล้ามเนื้ออวัยวะ ฯลฯ   ธาตุน้ำคือ อาการที่เกิดกับความเข้มข้นของเลือด น้ำเหลือง ธาตุลมคือ อาการที่เกิดจากลมไม่ไหลเวียนออกนอกกาย อาการขัดของลม  ธาตุไฟคือ อาการที่ร่างกายร้อนแต่ไม่มีไข้  ร่างกายหนาวสั่นโดนอากาศเย็นไม่ค่อยได้
             ธาตุทั้งสี่ มีความสมดุลกัน ทุกๆอิริยาบท ทุกๆอุบัติเหตุ ร่างกายเราสั่งสมพลังงานจากด้านนอกที่สะเทือนเข้ามาในกายเรา โดยลมเป็นพาหนะนำเข้ามา   เราไม่เคยได้บำบัด เพื่อนำพลังงานนี้ออกไป การที่เรานวดไล่ลม เป็นการกระตุ้นเปิดรูขุมขน ทั่วร่างกาย ทำให้ลมสามารถไหลออกตามรูขุมขนตลอดแนวเส้นได้ดีขึ้น ลมส่วนที่ห่างจากรูขุมขน ก็สามารถแพร่ไหลไปออกที่รูขุมขนได้ เมื่อลมไหลเวียนได้ลมก็จะพาพลังงานที่สั่งสมอยู่นี้ให้ค่อยๆออกไป
              เหตุที่ผู้ป่วยแต่ละคนที่ได้รับการบำบัด ด้วยวิธีเดียวกัน แต่ให้ผลไม่เท่ากัน บางคนนวดครั้งเดียวอยู่ได้เป็นเดือนๆจนกว่าจะต้องกลับมานวดอีก บางคนนวดเสร็จ เบาไปหนึ่งสัปดาห์อาการเดิมๆก็ค่อยๆกลับมาจนต้องกลับมานวดอีก ( อาการปวดไม่เข้มข้น รุนแรงเท่าเดิม ) บางคนนวดเสร็จยังไม่เบา ยังเจ็บอยู่ อีก1-2วันต้องกลับมานวดอีก
       การที่นวดแล้วไม่เบาก็เกิดได้จากการที่ร่างกายเรา ได้รับสั่งสมพลังงานเข้าไปมาก เป็นเวลานาน การที่เราไม่เคยนวดบำบัดทำให้ลมในกายไหลเวียนออกนอกกายไป ทำให้พลังงานที่เคยเข้ามาจึงออกไปไม่ได้ จึงมีการสั่งสมอยู่ภายใน เมื่อเราอายุมากขึ้นพลังงานที่สั่งสมอยู่ก็ยิ่งมากขึ้นเงาตามตัว อาการต่างๆที่เรื้อรังจึงแก้ไม่ได้
        และการที่เราบาดเจ็บเรื้อรัง พังผืดที่ปกคลุมกล้ามเนื้อก็จะแผ่หนาขึ้นไปเรื่อยๆ เวลาที่เรา กดนวดไปบริเวณเส้น จึงไม่สามารถทะลุทะลวงให้ผ่านแนวพังผืดไปได้ เราเลยไม่สามารถนวดให้ลึกลงไปถึงแนวเส้น การไหลเวียนของเลือดและลมจึงยังไม่ได้รับการบำบัดให้สำเร็จได้
         เราต้องหมั่นนวดคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่พังผืดขึ้นหนา เพราะการที่เรากด คลึง นวดลงบนกล้ามเนื้อ เลือดจะไหลเวียนไปสู่เซลล์กล้ามเนื้อได้ดีขึ้น เลือดแดงจะนำออกซิเจน และสารอาหารไปสู่เซลล์ เลือดดำก็จะนำคาร์บอนไดออกไซด์และของเสียออกนอกเซลล์ ชั้นพังผืดก็จะค่อยๆบางลง ต่อไปการกดนวดที่กล้ามเนื้อก็จะสามารถทะลุทะลวงลงไปที่แนวเส้นได้ดีขึ้น
          ดังนั้นผู้ที่ป่วยเนื่องจากลมขัด เกิดจากการใช้งานปกติ ไม่เรื้อรังนานเกินไป นวดคลายผู้พังผืด พร้อมนวดไล่ลมไปด้วย บางคนนวดแค่ครั้งเดียวอาการที่เรื้อรังก็หายได้
          ที่ป่วยเนื่องจากลมขัด เกิดจากการใช้งานปกติ เรื้อรังนานหลายปี นวดคลายพังผืด พร้อมนวดไล่ลมไปด้วย บางคนนวด4-5ครั้ง อาการที่เรื้อรังก็หายได้
        ที่ป่วยเนื่องจากลมขัด เกิดจากการใช้งานปกติและอุบัติเหตุเรื้อรังไม่นาน นวดคลายพังผืด พร้อมนวดไล่ลมไปด้วย บางคนนวด4-5ครั้ง อาการที่เรื้อรังก็หายได้
         ผู้ป่วยเนื่องจากลมขัด เกิดจากการใช้งานปกติและอุบัติเหตุเรื้อรังนานเป็น10ปี  นวดคลายพังผืด พร้อมนวดไล่ลมไปด้วย บางคนนวด4-5ครั้ง อาการที่เรื้อรังก็หายได้ บางคนนวดเดือนละ2ครั้งเป็นเวลาหลายปี อาการที่เคยหนักก็จะดีขึ้น เบาขึ้นเรื่อยๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น