วันเสาร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2560

ลม ผู้อยู่เบื้องหลังอาการเจ็บป่วย

ลม ผู้อยู่เบื้องหลังอาการเจ็บป่วย

      ผู้ที่จะบำบัดอาการคนป่วยได้ ผู้นั้นก็จะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ซึ่งได้มาจากการบำบัดอาการนั้นๆ สำหรับผู้ป่วยแต่ละคนก็คือตำรา เป็นครูบาอาจารย์ ในวิธีการบำบัดนั้นๆ
     โดยเฉพาะการบำบัดอาการเกี่ยวกับการไหลเวียนของลมในกายนี้  เป็นศาสตร์ที่ไม่ค่อยมีการพูดถึง ทั้งๆที่ผู้ป่วยส่วนมากรู้สึกอยู่แล้วว่า ในร่างกายเรามีอาการผิดปกติ เช่น
     บางวันเราจะมีความรู้สึกว่า มีลมแน่นท้อง เสียดท้อง เสียดลิ้นปี่ หายใจลำบาก เรอบ่อย แตะตรงไหนของร่างกายก็ยังเรอ ผายลมบ่อย
     อาการกรดไหลย้อน
     อาการเสียวแปลบไปที่หัวใจ แต่เมื่อตรวจทางแผนปัจจุบันแล้ว หัวใจไม่มีปัญหา  อาการขัดบริเวณใต้ราวนม
     มีอาการคันใต้ผิวเหมือนมีมดไต่อยู่บริเวณปลายมือปลายเท้า         
    อาการปวดแสบปวดร้อน อาการร้อนผ่าว วูบวาบไปตามอวัยวะ
     อาการมีเสียงลั่นตามข้อกระดูก
      อาการเสียวแปลบที่ตาตุ่มที่เคยขาแพลงมาก่อนหน้า ซึ่งได้รักษาอาการบาดเจ็บหายมาหลายปีแล้ว
      อาการปวดหลัง เอว ขา หลังจากยกของหนัก 
      อาการสายตาพร่ามัว มองไม่ชัด กระบอกตาปิด น้ำตาไหล ลมออกหู  น้ำในหูไม่เท่ากัน มีอาการไอจามที่ว่าเป็นอาการภูมิแพ้ แพ้อากาศ
        ทั้งหมดที่ยกตัวอย่างมานี้ เมื่อเรานวดไล่ให้ลมในกายไหลเวียนออกนอกกายตามปลายมือ ปลายเท้า ศรีษะ ตามข้อกระดูกต่างๆ ตามรูขุมขนทั่วร่างกาย ให้ลมไหลได้สะดวก จนเป็นสภาวะปกติ เมื่อนั้นอาการป่วยที่เรื้อรัง ที่นวดมาเป็นสิบๆปีก็ยังไม่หาย ก็จะค่อยๆทุเลา เบาลง และหายไปในที่สุดตามสภาพอาการของผู้ป่วยแต่ละราย
          การบาดเจ็บโดยการกระแทก เช่นรถชนแล้วศรีษะกระแทก หรือการที่ศรีษะกระแทกกักเพดานปูน หรือไม้เตี้ยๆเต็มแรง
          การบาดเจ็บโดยการกระชาก เช่นการที่เราจับราวบันได เพื่อดึงตัวเราไม่ให้กลิ้งลงบันได
          การบาดเจ็บโดยการกระโดด เช่นกระโดดจากที่สูง จากต้นไม้

   การบาดเจ็บทั้งหมดนี้ เรารักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ บาดแผลรักษาไประยะหนึ่งก็หายได้ แต่การที่ลมไหลเวียนไม่ได้จากอาการนั้น เป็นระเบิดเวลาที่ฝังรอ การปะทุของอาการในวันข้างหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น