วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

แก้ไ่ม่ทันการณ์ อัมพฤกษ์

แก้ไม่ทันการณ์ อัมพฤกษ์

      การบาดเจ็บกล้ามเนื้อของคนเรา เป็นจุดเริ่มต้นของการขัดของเลือดลม ยิ่งการบาดเจ็บเรื้อรังบริเวณส่วนบนของร่างกาย คือคอ-บ่า-ไหล่ จะยิ่งมีอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ  โดยเฉพาะคอ-บ่า-ไหล่ นี้เป็นทางผ่านที่เลือดและลมจะไหลผ่านไปยังศีรษะ ไปยังสมอง ซึ่งสมองเป็นระบบประสาทส่วนที่สำคัญที่สุด ถ้าสมองขาดเลือดไปเลี้ยง กล้ามเนื้อสมองบางส่วนจะตายไป จะทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์-อัมพาต
        อาการปวดคอ ปวดบ่า ปวดไหล่ อาการปวด มึนศีรษะ นั้นสื่อให้เข้าใจถึงเลือด-ลมที่จะไหลไปบริเวณศีรษะมีไม่เพียงพอ
       สมองที่มีหน้าที่สั่งให้อวัยวะต่างๆทำงาน เช่นหัวใจ ให้สูบฉีดเลือดไปยังอวัยวะปลายทาง อย่างเช่นสมอง 
      ถ้าเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อสมองไม่เพียงพอ สมองก็จะสั่งให้หัวใจเพิ่มการสูบฉีด เพื่อให้ได้เลือดปริมาณเพียงพอตามความต้องการของกล้ามเนื้อสมอง ยิ่งกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า มีอาการเกร็งตึงมากเท่าใด ก็จะทำให้หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น เพราะเส้นเลือดเราฝังตัวอยู่ในกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่นของเส้นเลือดลดลง เลือดลมไหลเวียนไปยังสมองได้น้อยลง
        ผลต่อเนื่องระยะยาว ที่เลือดลมไหลไปไม่สะดวก หัวใจทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ ความดันโลหิตก็จะสูงขึ้น จนในที่สุดเมื่อความดันโลหิตสูงต่อเนื่องๆเป็นเวลานาน เส้นโลหิตในสมองก็จะตีบ แตก ซึ่งก็คืออาการอัมพฤกษ์-อัมพาต ถ้าอาการมาถึงขั้นนี้แล้ว การแก้ไข การบำบัดจะไม่ง่ายแล้ว เพราะเนื้อสมองส่วนหนึ่งบริเวณที่เส้นโลหิตตีบ-แตก จะตายไป
กล้ามเนื้อสมองซีกขวาบางส่วนตาย ทำให้อวัยวะซีกซ้ายอ่อนแรงไม่มีกำลัง
กล้ามเนื้อสมองซีกซ้ายบางส่วนตาย ทำให้อวัยวะซีกขวาอ่อนแรงไม่มีกำลัง
     สมองส่วนนั้นมีหน้าที่สั่งการอะไร การสั่งการของอวัยวะนั้นก็จะไม่มี หรือมีอยู่แค่สมองส่วนนั้นที่เหลืออยู่ มีผลให้อวัยวะปลายทางที่สมองจะสั่งการนั้นมีอาการอ่อนแรง
         ปกติแล้ว การนวดบำบัดทั่วไป คือการนวดที่ทำให้เลือดลมหมุนเวียน จะนวดดีหรือไม่ดี จะบำบัดอาการต่างๆได้หรือไม่ได้ ถ้ายังไม่มีถึงขั้นเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก การบำบัดก็จะไม่เรื้อรัง และมีโอกาสหายขาดจากอาการเดิมๆที่สั่งสมมาได้

         แต่ถ้าอาการมาถึงเส้นเลือดสมองตีบ-แตก ถึงขั้นอัมพฤกษ์-อัมพาต การบำบัดจะไม่ใช่แค่การนวดให้เลือดลมเดินแล้ว แต่จะต้องมีการกายภาพบำบัด ให้กล้ามเนื้ออวัยวะที่อ่อนแรงนั้นพื้นตัวขึ้นมา ใช้เวลาเป็นหลายๆเดือน เป็นปี และต่อให้ฟื้นฟูขึ้นมาได้การใช้งานของอวัยวะนั้นก็จะได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม เพราะเนื้อสมองส่วนที่ขาดเลือดและตายไปแล้วเราไม่สามารถทำให้ฟื้นกลับมาได้อีก เราจึงไม่ควรปล่อยให้มีอาการปวดหรือมีอาการบริเวณศีรษะอย่างเรื้อรัง เพราะทุกๆวันที่ผ่านไป ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการนี้ได้ เพียงแค่ทำให้การไหลเวียนของเลือดลมที่จะขึ้นไปเลี้ยงบนศีรษะได้เป็นปกติ  ก็จะลดอัตราเสี่ยงที่จะเกิดอัมพฤกษ์ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น