แก้ไม่ทันการณ์
อัมพฤกษ์
การบาดเจ็บกล้ามเนื้อของคนเรา
เป็นจุดเริ่มต้นของการขัดของเลือดลม ยิ่งการบาดเจ็บเรื้อรังบริเวณส่วนบนของร่างกาย
คือคอ-บ่า-ไหล่ จะยิ่งมีอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะคอ-บ่า-ไหล่ นี้เป็นทางผ่านที่เลือดและลมจะไหลผ่านไปยังศีรษะ
ไปยังสมอง ซึ่งสมองเป็นระบบประสาทส่วนที่สำคัญที่สุด ถ้าสมองขาดเลือดไปเลี้ยง
กล้ามเนื้อสมองบางส่วนจะตายไป จะทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์-อัมพาต
อาการปวดคอ ปวดบ่า ปวดไหล่ อาการปวด
มึนศีรษะ นั้นสื่อให้เข้าใจถึงเลือด-ลมที่จะไหลไปบริเวณศีรษะมีไม่เพียงพอ
สมองที่มีหน้าที่สั่งให้อวัยวะต่างๆทำงาน เช่นหัวใจ
ให้สูบฉีดเลือดไปยังอวัยวะปลายทาง อย่างเช่นสมอง
ถ้าเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อสมองไม่เพียงพอ สมองก็จะสั่งให้หัวใจเพิ่มการสูบฉีด
เพื่อให้ได้เลือดปริมาณเพียงพอตามความต้องการของกล้ามเนื้อสมอง ยิ่งกล้ามเนื้อบริเวณคอ
บ่า มีอาการเกร็งตึงมากเท่าใด ก็จะทำให้หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น เพราะเส้นเลือดเราฝังตัวอยู่ในกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่นของเส้นเลือดลดลง
เลือดลมไหลเวียนไปยังสมองได้น้อยลง
ผลต่อเนื่องระยะยาว
ที่เลือดลมไหลไปไม่สะดวก หัวใจทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ ความดันโลหิตก็จะสูงขึ้น
จนในที่สุดเมื่อความดันโลหิตสูงต่อเนื่องๆเป็นเวลานาน เส้นโลหิตในสมองก็จะตีบ แตก
ซึ่งก็คืออาการอัมพฤกษ์-อัมพาต ถ้าอาการมาถึงขั้นนี้แล้ว การแก้ไข
การบำบัดจะไม่ง่ายแล้ว เพราะเนื้อสมองส่วนหนึ่งบริเวณที่เส้นโลหิตตีบ-แตก จะตายไป
กล้ามเนื้อสมองซีกขวาบางส่วนตาย ทำให้อวัยวะซีกซ้ายอ่อนแรงไม่มีกำลัง
กล้ามเนื้อสมองซีกซ้ายบางส่วนตาย ทำให้อวัยวะซีกขวาอ่อนแรงไม่มีกำลัง
สมองส่วนนั้นมีหน้าที่สั่งการอะไร
การสั่งการของอวัยวะนั้นก็จะไม่มี หรือมีอยู่แค่สมองส่วนนั้นที่เหลืออยู่
มีผลให้อวัยวะปลายทางที่สมองจะสั่งการนั้นมีอาการอ่อนแรง
ปกติแล้ว การนวดบำบัดทั่วไป
คือการนวดที่ทำให้เลือดลมหมุนเวียน จะนวดดีหรือไม่ดี
จะบำบัดอาการต่างๆได้หรือไม่ได้ ถ้ายังไม่มีถึงขั้นเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก
การบำบัดก็จะไม่เรื้อรัง และมีโอกาสหายขาดจากอาการเดิมๆที่สั่งสมมาได้
แต่ถ้าอาการมาถึงเส้นเลือดสมองตีบ-แตก
ถึงขั้นอัมพฤกษ์-อัมพาต การบำบัดจะไม่ใช่แค่การนวดให้เลือดลมเดินแล้ว
แต่จะต้องมีการกายภาพบำบัด ให้กล้ามเนื้ออวัยวะที่อ่อนแรงนั้นพื้นตัวขึ้นมา
ใช้เวลาเป็นหลายๆเดือน เป็นปี
และต่อให้ฟื้นฟูขึ้นมาได้การใช้งานของอวัยวะนั้นก็จะได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม
เพราะเนื้อสมองส่วนที่ขาดเลือดและตายไปแล้วเราไม่สามารถทำให้ฟื้นกลับมาได้อีก
เราจึงไม่ควรปล่อยให้มีอาการปวดหรือมีอาการบริเวณศีรษะอย่างเรื้อรัง
เพราะทุกๆวันที่ผ่านไป ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการนี้ได้
เพียงแค่ทำให้การไหลเวียนของเลือดลมที่จะขึ้นไปเลี้ยงบนศีรษะได้เป็นปกติ ก็จะลดอัตราเสี่ยงที่จะเกิดอัมพฤกษ์ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น