วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

พลังงานที่มากระแทกร่างกายแล้วไปไหน ( ตอน 7.7 )

พลังงานที่กระทบเข้ามาจากภายนอก โดยเกิดอุบัติเหตุ

การสั่งสมพลังงานที่กระทบเข้ามาจากภายนอกร่างกาย ไม่ว่าจะเข้าสู่ร่างกาย ณ.ส่วนใด จะเป็นศีรษะ แขน ขา ตามข้อกระดูกต่างๆ ตามรูขุมขนต่างๆ ทุกๆการกระทำ ทุกๆอิริยาบถของเรา จะมีพลังงานที่สะท้อนเข้ามาในร่างกาย ตามอวัยวะต่างๆที่ได้กระทำ และที่ถูกกระทำในเวลานั้นๆ
เมื่อเราเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเกิดกับอวัยวะส่วนใด แรงที่ปะทะเข้ามาในร่างกาย ตามอวัยวะต่างๆ จะส่งผลโดยตรงในขณะนั้นเพียงแค่เกิดอาการฟกช้ำดำเขียว การบาดเจ็บ แขนขาหัก เลือดคั่งในสมอง ปวดหลัง ปวดเอว ขาแพลง ฯลฯ
อาการต่างๆที่กล่าวมานี้ เมื่อเรารักษาไประยะหนึ่ง อาการปวด อาการบวม อักเสบของกล้ามเนื้อ ของอวัยวะนั้นๆก็จะค่อยๆทุเลา และหายไปในที่สุด แต่อาการที่มีพลังงานสะท้านเข้าไปในกาย ส่วนมากเราไม่เคพลังงานที่มากระแทกร่างกายแล้วไปไหน ( ตอน 7.7 )ยได้รับการบำบัดให้พลังงานที่เข้าไปนั้นออกมานอกร่างกายเลย นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้เรามีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ปวดลึกๆข้างใน เราคิดว่าเราปวดในกระดูก แต่ที่จริงแล้วคืออาการที่พลังงานที่สั่งสมอยู่ตามแนวเส้น อยู่อย่างหนาแน่นตั้งแต่ชั้นใต้ผิวหนังเราลงไปลึกๆในแนวเส้นที่เคยเกิดอาการบาดเจ็บ
เซลล์รับรู้ความรู้สึกของร่างกายคนเราจะอยู่ใต้ผิวหนัง ดังนั้นเมื่อเราเกิดอุบัติเหตุใหม่ๆ พลังงานที่สะท้านเข้ามา ก็จะยังอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณที่เกิดการกระทบนั้น อาการปวด อักเสบกล้ามเนื้อ ร่างกายเราก็จะสร้างพังผืดเพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บมากขึ้น และเมื่อเรารักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อให้หายปวด หายเจ็บ หายบวมได้แล้ว อาการข้างเคียงต่างๆดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ โดยรวมแล้วเราคิดว่าการรักษาอาการบาดเจ็บในอุบัติเหตุครั้งนั้นหายแล้ว แต่ยังมีพังผืดที่เกิดขึ้น และพลังงานที่สะท้านเข้ามาในร่างกายเรายังไม่ได้รับการแก้ไข
พังผืด ที่ค้างอยู่ในกายเรา ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขก็จะเพิ่มชั้นขึ้นมา ทำให้เวลาเรากดนวดไปตามแนวเส้นจะไม่ค่อยรู้สึก ที่เคยได้ยินกันว่าเส้นจม ถ้าเราคลายพังผืดโดยการนวด การคลึงบ่อยๆ พังผืดที่มีอยู่ก็จะค่อยๆบางลง แล้วการกดนวดของเราไปที่แนวเส้นก็จะสามารถทะลุทะลวงลงไปได้
ส่วนพลังงานที่สะท้านเข้าไป เราจะเอาออกมาได้ก็เพียงแค่ทำให้ลมในกายไหลเวียนได้เป็นปกติ คือลมเข้าตามทวารต่างๆ ลมเข้าทางศีรษะ แขน ขา และลมเข้าตามรูขุมขนต่างๆทั่วร่างกาย ต้องทำให้ลมหรือพลังงานที่เข้ามาให้ไหลออกไปตามทวาร ตามรูขุมขนต่างๆทั่วร่างกาย อาการเจ็บป่วยที่เรื้อรังก็จะค่อยๆทุเลาดีขึ้น และหายไปในที่สุด
อย่างเช่น เราเคยขาพลิก-ขาแพลง เมื่อ10-20 ปีที่แล้ว ขณะนี้อาการบวมปวดไม่มีแล้ว แต่ในบางครั้ง อากาศเย็น หรือเราเดินมากๆ เรายังมีอาการเสียวแปลบๆที่ข้อเท้าด้านนอก
ตอนที่เราเด็กๆ เราชอบปีนต้นไม้ และกระโดดลงมา เคยมีการบาดเจ็บในขณะนั้นปวดเสียวไปที่แนวกระดูกสันหลัง เรารักษาไปจนอาการปวดบวมนั้นหายไปแล้ว แต่หลังจากนั้นหลายๆปีผ่านไป เราจะมีปัญหาเส้นหลังติดกระดูกสันหลัง หลังตึงเอี้ยวตัวไม่ค่อยได้ และบางครั้งจะมีอาการแปลบๆอยู่บริเวณที่เคยบาดเจ็บ และถ้าเรายังคงกระโดดลงมาจากที่สูงบ่อยๆ ก็จะสะเทือนเข้าไปตรงแนวที่เคยบาดเจ็บอีก
ฯลฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น