กรรมสัมพันธ์
เคยได้ยินไหมว่า หมอคนโน้นเก่ง หมอคนนี้เก่ง ใครป่วยไข้อะไร ถ้าได้ไปให้รักษา อาการป่วยไข้นั้นก็หาย
จริงๆแล้ว หมอทุกคนเก่งหมด คนที่จะรักษา บำบัดอาการป่วยไข้ให้คนอื่นได้ ต้องมีต้นทุนอยู่ที่ตัวเอง มีทั้งความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้มาในภพชาติปัจจุบันนี้ อีกทั้งปัญญา ความรู้ที่มาจากบุญบารมีเดิมๆ ฌานการรักษาที่ติดตามมาจากภพชาติก่อนๆ ทำให้บำบัดรักษาอาการที่เรื้อรังบำบัดไม่ได้ ให้หายได้
ความรู้หรือปัญญาในอดีต ที่ติดตามมาในภพชาติปัจจุบันนี้ มีความสำคัญมาก เป็นภูมิความรู้เฉพาะตน เพียงแค่จะเริ่มใช้ความรู้นี้ ปัญญาความรู้เรื่องนี้ก็จะผุดขึ้นมา ให้เรารู้ ให้เราเข้าใจ แล้วนำภูมิปัญญานี้ไปต่อยอดกับความรู้ต่างๆที่เราได้เรียนรู้มา
เมื่อร่างกายเราประกอบด้วยธาตุต่างๆคือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ การเจ็บไข้ได้ป่วยของคนเรา จริงๆแล้วคือ ความไม่สมดุลของธาตุทั้งสี่ ทั่วไปแล้วเราจะได้รับการบำบัดเพียงแค่ธาตุดิน ธาตุน้ำเท่านั้น
ธาตุลม ธาตุไฟ เป็นธาตุที่เราจับต้องไม่ได้ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆก็ไม่สามารถตรวจวัดได้ ก็จะมีแต่เพียงการนวด และการนวดนั้นก็ต้องเน้นทำให้ลมไหลเวียนออกนอกกายเราให้ได้ ไม่ใช่นวดแล้วลมไหลเปลี่ยนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในร่างกาย ซึ่งจะทำให้ร่างกายเราบาดเจ็บเรื้อรัง
ที่สำคัญอีกอย่างคือ ผู้ป่วยและผู้รักษา มีกรรมที่สัมพันธ์ร่วมกันไหม ถ้าไม่มีกรรมที่สัมพันธ์ร่วมกัน ก็จะไม่มีโอกาสที่จะได้พบเจอกัน หรือมี โอกาสพบเจอกันแต่ไม่ได้รักษากัน เช่นผู้ป่วยและผู้รักษาได้รับรู้กัน มีคนแนะนำ ให้รู้จักกัน แต่มีเหตุให้ ไม่ได้นวดรักษากัน เพราะเหตุผลต่างๆเช่น
กลัวเจ็บ ทั้งๆที่ทุกวันนี้ก็เจ็บเรื้อรัง เจ็บทุกวันอยู่แล้ว
ผู้ป่วยหญิงอยากได้ผู้นวดเป็นผู้หญิง เหตุผลคือไม่เคยนวดกับผู้ชาย ทั้งที่นวดกับผู้หญิงแล้วหลายครั้งก็ยังไม่หาย
ไม่ว่างไม่มีเวลา ไม่มีเงิน
( เวลาป่วยหนักๆ ไม่ว่าง ไม่มีเงิน ต้องหยุดงานไปรักษา ค่าเดินทางไปรักษาเป็นพันเป็นหมื่นยอมควัก ผู้รักษาเป็นผู้ชายก็ยอมให้ผู้ชายรักษา เวลานวดเจ็บก็จะยอมทน เพราะทนอาการปวดไม่ไหวแล้ว )
อีกด้านหนึ่งผู้ป่วยและผู้รักษา มีกรรมที่สัมพันธ์ร่วมกันไหม แล้วเจ้ากรรมนายเวรยอมอโหสิกรรมไหม
ปกติแล้วถ้ากรรมที่สัมพันธ์กัน เคยเกื้อกูลกันมาในอดีต เมื่อถึงเวลาจะมีเหตุให้ได้เจอกัน มาช่วยเหลือกัน เช่นผู้ป่วยกับผู้รักษาต่างคนต่างอยู่ คนละที่ จู่ๆให้ได้รู้จักกัน มาเจอกัน และต้องเป็นช่วเวลาที่เจ้ากรรมนายเวรในกายอโหสิกรรมให้แล้วนะครับ การรักษาจึงจะสัมฤทธิ์ผล
เราจะเคยได้ยินว่า มีผู้รักษาอาการที่เก่งใครไปให้รักษาก็หาย แต่เมื่อเราไปได้รับการรักษาจากหมอคนนั้น อาการก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้ดีขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้เจ้ากรรมนายเวรในกายเรายังไม่อโหสิกรรมให้เรา ยังเบียดเบียนเราอยู่ ต่อให้หมอผู้รักษาเรานี้กรรมสัมพันธ์กับเรา ก็จะยังรักษาเราให้หายไม่ได้ จนกว่าเราจะน้อมบุญกุศลที่มีอานุภาพเพียงพอไปให้เจ้ากรรมนายเวรในขณะนั้น ให้เขายินยอม อโหสิกรรมให้เรา การรักษาถึงจะสัมฤทธิ์ผล
ดังนั้นการรักษาจะส่งผลให้หายได้ ไม่เพียงแต่มีเงิน มีเวลา ไปรักษาเท่านั้นอาการป่วยไข้จะหายได้ การรักษาอาการนั้นๆจะต้องได้รับการอโหสิกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เราเจ็บป่วยในกาย ณ.ขณะนั้นด้วย และได้รักษากับหมอที่มีกรรมสัมพันธ์ และอุปถัมป์กันเท่านั้น การบำบัดอาการก็จะบรรลุผล หายได้ในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น