วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

8. ทำไมรักษาอาการเจ็บป่วย นานเป็นปี

8. ทำไมรักษาอาการเจ็บป่วย นานเป็นปีก็ยังไม่หาย

           ในบ้านหลังหนึ่งๆ เมื่อสร้างบ้านเสร็จ ทุกๆห้องล้วนเป็นห้องว่างเปล่า ไม่มีสิ่งของอยู่ด้านใน เมื่อเราเอาสิ่งของต่างๆเข้ามาไว้ในบ้าน เราวางที่ไหน ที่ตรงนั้นก็ไม่เป็นที่ว่างเปล่าอีกต่อไป เราจะวางสิ่งของชิ้นอื่นๆซ้ำในตำแหน่งเดิมก็ไม่ได้แล้ว นอกจากจะวางเทินให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ วางสูงจนฐานที่ตั้งด้านล่างรับไม่ไหว สิ่งของที่วางเทินไว้ก็จะยุบ พังทลายลงมา
             ร่างกายเราก็เหมือนกัน เมื่อแรกที่เราเกิดมา ธาตุทั้งสี่ของร่างกายยังปกติอยู่ ( บางคนธาตุพิการมาแต่กำเนิดก็มี ) เมื่อเราอายุมากขึ้นสมดุลของธาตุต่างๆเริ่มเสียไป
   ธาตุดิน เริ่มมีปัญหาคือ กล้ามเนื้อแข็ง เกร็ง มีพังผืด เส้นโลหิตตีบ-ตัน  ฯลฯ ปวดแข้งปวดขา
   ธาตุน้ำ เริ่มมีปัญหา อาการโลหิตเป็นพิษ ไขมันในกระแสเลือดสูง น้ำเหลืองไม่ดี ฯลฯ
   ธาตุลม เริ่มมีปัญหา การไหลเวียนลมในกายเริ่มขัด ลมไม่สามารถไหลเวียนออกตามรูขุมขน
   ธาตุไฟ เริ่มมีปัญหา มีอาการร้อนๆหนาวๆ อาการปวดแสบปวดร้อน ฯลฯ
              ที่เรารักษาอาการป่วยไข้ในปัจจุบัน รวมทั้งการกดจุด การนวดเส้น การนวดแก้อาการ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นแก้ไปที่ธาตุดินและธาตุน้ำ เพราะสัมผัสได้ เห็นได้ด้วยตา ตรวจวัดได้ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ปัจจุบัน
      ธาตุลม ธาตุไฟ เป็นธาตุที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ ผู้ป่วยหลายๆคนจะมีความรู้สึกว่า มีลมเคลื่อนอยู่ภายในร่างกาย ตามอวัยวะต่างๆ มีอาการลมแน่นภายในช่องท้อง มีอาการคันเหมือนมดเดินใต้ผิวหนัง มีอาการลมออกหู ลมออกช่องคลอด ผายลม เรอ หาว ไอ จาม อาการต่างๆนี้ เป็นอาการที่แสดงให้เห็นตัวตนของลมในกายเราว่า มีลมในกายเรา และถ้าลมในกายเราไหลออกนอกกายได้ เราก็จะมีความเบากายขึ้นมาเอง
      เมื่อลมในกายไหลเวียนไม่ดี  เราก็จะรู้สึกว่าเรามีความร้อน ร้อนผ่าวๆ ปวดแสบปวดร้อนอยู่ในตัวเรา จะทำให้เรารู้สึกว่าตัวเราร้อนกว่าอุณหภูมิร่างกายปกติ แต่เมื่อวัดด้วยปรอท เราไม่มีไข้

           เราต้องลองย้อนไปดู ว่าที่เรารักษาอาการต่างๆมานานนับปี เรื้อรัง เราเคยแก้ไขสมดุลของลมในกายหรือไม่ จากที่เคยกล่าวว่าถ้าเราสามารถบำบัดให้ลมไหลเข้า-ออกนอกกาย ตามรูขุมขน ตามข้อกระดูกต่างๆได้ ลมที่ไหลเข้ามาในกาย เข้ามาพร้อมกับพลังงาน ที่เกิดจากการกระแทกเข้ามาในอวัยวะต่างๆ พลังงานค่อยๆซึมซับ สั่งสม เก็บเข้ามาในร่างกายเรา ตามอวัยวะต่างๆ พลังงานที่เข้ามาไม่มีรูปร่าง ไม่มีสัณฐาน แต่มีมวลมีน้ำหนัก เมื่อสั่งสมพลังงานมากๆ นานจนร่างกายเรา ไม่สามารถจะรับพลังงานใหม่ๆเข้ามาได้อีก ทำให้เส้นตึงแขน-ขาตึง บวม
    พลังงานที่แน่นอยู่ในแนวเส้นนี้ ส่งผลให้ความยืดหยุ่นของแนวเส้นไม่มี เส้นบวม พองโต
     ระหว่างข้อกระดูกยึดกัน ไม่ยืดหยุ่น งอข้อลำบาก หลังตึง หลังค่อม นิ้วล็อก ขาโกร่งงอ เมื่อพลังงานสั่งสมในแนวเส้นมากขึ้น จะทำให้ข้อกระดูก ท่อนกระดูก บิดเบี้ยว เสียรูป เสียสภาพไป เมื่อกระดูกเสียสภาพไปแล้วเราไม่สามารถ แก้ไขให้เนื้อกระดูกกลับมามีสภาพดังเดิม ข้อกระดูกสันหลังที่โดนบดจนแตก ยุบ หรือขาที่โกร่งงอไปแล้ว ก็จะเสียสภาพไปเลย
    ในกรณีที่กระดูกเสียสภาพไปแล้ว การปรับสมดุลให้ลมไหลเวียนเข้า-ออกนอกกายได้เป็นปกติ ก็จะเป็นเพียงการแก้ไข หยุดไม่ให้กระดูกเสียสภาพมากขึ้นกว่าเดิม กระดูกที่โกร่งงอแล้วก็จะโกร่งงอเหมือนเดิม ไม่ตึงไม่งอมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง
     ร่างกายเรา เมื่อบาดเจ็บเราไม่ได้แก้ไขให้ลมไหลเวียนเข้า-ออกนอกกายได้ตามปกติ พลังงานที่เข้ามาสั่งสมในกายเรา ตามอวัยวะที่พลังงานเข้ามา ก็แน่นขึ้นเรื่อยๆ ความตึงในแนวเส้นก็จะทำให้สัณฐาน รูปร่างของกระดูกเสียสภาพไป ยิ่งนานเท่าใดก็ยิ่งเสียสภาพมากขึ้นเท่านั้น
    เปรียบเหมือนห้องเก็บของ เรามีแต่เอาของเข้าไปเก็บ ถ้าเราเก็บเข้าอย่างเดียว ไม่เคยเอาสิ่งของที่เราเอาเข้าไปออกมาเลย สักวันหนึ่งห้องนั้นก็จะเต็ม ไม่สามารถใส่ของใหม่เข้าไปได้อีก ขึ้นอยู่กับว่าเราทยอยเก็บเข้าไปทีละนิด  หรือว่าเก็บเข้าไปครั้งละมากๆ และขึ้นอยู่กับว่าเก็บเข้าไปนานเท่าไร สักวันหนึ่งก็ต้องเต็ม

    แล้วนิ้วล็อค เกิดจากอะไร  ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น