วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

นวดไล่ลม นวดคลายพลังงาน (1/2 )

นวดไล่ลม นวดคลายพลังงาน (1/2 )

        ในเพจของนวดไล่ลม จะเห็นว่าผมเน้นถึงพลังงานที่กระทบเข้ามาในร่างกาย และพลังงานนั้นๆ ไม่สามารถเคลื่อนไหลออกนอกร่างกายเราได้ จึงเกิดการสั่งสมอยู่ในร่างกาย เพียงแค่เราทำให้ลมในร่างกายเราเคลื่อน ไหลออกนอกร่างกายเราได้ ตามรูขุมขน ตามข้อกระดูก ตามทวารต่างๆ ก็จะนำพาพลังงานที่สั่งสมอยู่นั้นออกไปนอกร่างกายได้

          ที่ต้องบอกกล่าวในเรื่องพลังงานนี้ เพราะว่าเป็นสิ่งที่เราไม่เห็นด้วยตา แต่คนที่มีอาการจะรู้ว่ามีอาการลมแน่นในร่างกาย  ปกติแล้วไม่มีการกล่าวถึง แต่พลังงานที่กระทบเข้ามานี้เป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้เราป่วยเรื้อรัง หาสาเหตุไม่เจอ  ถ้าเราไม่เคยบำบัดทำให้พลังงานที่กระทบเข้ามาให้ไหลออกนอกร่างกายไป ก็จะเกิดอาการป่วยเรื้อรัง อาการปวดลึกๆ อาการเหมือนปวดในกระดูก อาการตัวร้อนแต่ไม่มีไข้

            การนวดไล่ลม เป็นการนวดปรับธาตุทั้งสี่ในร่างกายเรา คือธาตุดิน-น้ำ-ลม-ไฟ โดยเน้นปรับที่ธาตุลม เป็นหลัก
             การนวดทั่วไป นวดแก้อาการ การฝังเข็ม การตอกเส้น การจัดกระดูก และการบำบัดในวิธีการต่างๆ เป็นการบำบัดธาตุดิน ธาตุน้ำ เป็นหลัก  ส่วนธาตุลม เพียงแค่มีการเคลื่อนไหลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในร่างกายเราเท่านั้น ยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหลออกนอกกาย พลังงานที่กระทบเข้ามาในร่างกายจึงยังคงสั่งสมอยู่ภายใน
               เมื่อเราบำบัดพลังงานที่กระทบเข้ามาให้ออกไปไม่ได้ นานวันเข้า ธาตุไฟในร่างกายเรากำเริบขึ้น ทำให้เรามีอาการร้อน ปวดแสบปวดร้อน ร้อนวูบวาบ
     บางคนอาการร้อนในกายนี้แผ่กระจายจนคนรอบข้างสัมผัสได้ และเมื่อวัดไข้ด้วยปรอทวัดไข้อุณหภูมิร่างกายเราปกติ ไม่มีไข้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

     ที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่าความร้อนที่เราสัมผัสได้คือความร้อนที่เกิดจากธาตุลมที่ไม่ไหลเวียน พลังงานออกนอกร่างกายไม่ได้ สั่งสมมากขึ้น ธาตุไฟจึงกำเริบขึ้นมา จึงเกิดความร้อนขึ้นภายในร่างกาย
    ปรอทวัดไข้นั้นสามารถตรวจวัดได้แค่ธาตุดินธาตุน้ำที่ไม่สมดุลเท่านั้น ( กล้ามเนื้ออักเสบ เลือดติดเชื้อ ) เมื่อนำไปตรวจวัดอาการขัดของธาตุลมจึงไม่สามารถตรวจวัดได้ เพราะปรอทวัดไข้สัมผัสธาตุลมไม่ได้

        เราลองดูนึกว่าทุกๆอิริยาบถของเรา ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ  ทุกๆการกระทำ การเคลื่อนไหว จะมีพลังงานเข้ามาในกายเรา ทุกๆสัมผัส จากทุกก้าวที่เราเดิน ทุกครั้งที่เรากระโดดจากที่สูง จากการที่ถูกรถชนกระแทก ทุกๆครั้งที่เราใช้สายตาในการมองจอมอนิเตอร์ ( พลังงานแสง ) ทุกๆครั้งที่เราได้ยินเสียง ( พลังงานเสียง )  ทุกอิริยาบถร่างกายเราจะรับพลังงานจากภายนอกเข้ามาตลอด

            ถ้าหูอื้อ มีเสียงลมออกหู ลองนึกดูว่าหูของคุณเคยโดนกระทบอย่างแรงไหม คุณอยู่ในที่ๆเสียงดังมากๆตลอดเวลาเป็นเวลาหลายๆปี หรือคุณใช้อุปกรณ์หูฟังเสียบที่หูตลอดเวลา
           เวลาเรายกของหนัก เราจะปวดเมื่อยหลัง เอว บางคนปวดลงขา บางคนปวดร้าวจนไฟช็อตลงขา 
            เคยขาพลิก ขาแพลง รักษาอาการบวม ปวด จนอาการขาแพลงนั้นหายเป็นเวลาสิบปีแล้ว แต่บางครั้งยังมีอาการปวดแปลบๆภายในข้อตาตุ่มนั้น
            เคยกระโดดจากต้นไม้ หรือที่สูง จนมีอาการปวดเข่า ปวดเอว ปวดหลัง เรารักษาอาการบวม อาการปวดจนหายเป็นปกติแล้ว เป็นสิบๆปี แต่เรายังมีความรู้สึกตึง แน่น ไม่เบาตรงที่เราเคยบาดเจ็บ
             เคยถูกวัตถุหล่นใส่ศรีษะ ผ่านไป 3 ปี อาการปวด อาการบวม หายไปแล้ว  แต่ยังคงมีอาการคันเหมือนมดไต่ อยู่ใต้ผิวหนังที่เราเคยโดนกระแทก

              ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น