วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560

พลังงานที่มากระแทกร่างกายแล้วไปไหน ( ตอน 3 )

พลังงานที่มากระแทกร่างกายแล้วไปไหน ( ตอน 3 )

    ที่ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อร่างกายเรา หรืออวัยวะในร่างกายเราโดนชนหรือโดนกระแทกจากวัตถุ พลังงานที่กระแทกเข้ามา ก็จะซึมซับเข้ามาตรงบริเวณจุดที่ปะทะ อาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ หรือการอักเสบต่างๆเราสามารถรักษาให้หายได้จากการรักษาด้วยยา และการหยุดการใช้งานชั่วคราวของกล้ามเนื้ออวัยวะนั้นๆ แต่พลังงานหรือแรงที่ปะทะเข้ามาในกายเราไม่สามารถที่จะขับให้ออกมาได้ จนกว่าเราจะสามารถบำบัดจนทำให้ลม สามารถไหลออกได้บริเวณรูขุมขนของกล้ามเนื้อของอวัยวะนั้นๆที่เคยโดนกระแทก เป็นการปลดปล่อยพลังงานนี้ออกมา
      มีกรณีตัวอย่าง ที่เป็นเหมือนหลักฐานเกี่ยวกับการรักษาอาการบาดเจ็บจากการประสบอุบัติเหตุ หลายกรรมหลายวาระ แต่ละครั้งของอุบัติเหตุก็เก็บพลังงานที่กระแทกเข้ามา เมื่อไรที่เราทำให้ลมไหลออกนอกร่างกายได้ ลมก็จะลาก พาพลังงาน ( เจ้ากรรมนายเวรนั้นๆ ) ออกไปตามรูขุมขน ออกไปตามข้อต่างๆ  ออกไปตามทวารต่างๆ  
      คุณชล อยู่พุทธมณฑล สาย3 เป็นผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับเส้น เกี่ยวกับเลือดลม มาจากการเกิดอุบัติเหตุ ซ้ำซ้อน หลายกรรมหลายวาระ ได้นวดบำบัดอาการที่เกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ10กว่าปีที่แล้ว โดยศีรษะกระแทกกระจกหน้ารถอย่างแรง การบาดเจ็บครั้งนั้นทำให้มีอาการปวดตึงตามแนวเส้นตลอดแนวซีกขวาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สำหรับกรณีนี้ได้มีการบำบัดมาต่อเนื่องประมาณ2-3ปี จนในปัจจุบันนี้อาการปวดตึงตามแนวเส้นตลอดซีกขวาก็ได้หายไป

      ที่จะนำมากล่าวในตอนนี้ เป็นกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคุณชล เมื่อประมาณ5-6ปีที่แล้ว เป็นกรณีที่ทำให้เห็นที่มาที่ไปของพลังงานที่กระแทก และการคลายตัวออกมาของพลังงานนั้น
       ประมาณปี 2558 หลังจากที่นวดบำบัดคุณชลได้ประมาณ3ปี จากอุบัติเหตุศีรษะกระแทกกระจก จนอาการของซีกขวาทุเลาลงเรื่อยๆ จนในเช้าวันหนึ่งคุณชลแจ้งว่า มีอาการปวดตุ๊บๆ บริเวณหน้าผากด้านซ้าย ทั้งๆที่เมื่อวานยังปกติ ไม่มีอาการปวดตึงอะไร
     จึงบอกให้รอดูหนึ่งวัน อาจจะถึงเวลาที่จะต้องนวดซ้ำ เนื่องจากอาการบาดเจ็บต่างๆที่เก็บอยู่ด้านล่างผิวอาจจะคลายตัวขึ้นมาเต็มใต้ผิวกายแล้ว คุณชลก็รอดูอาการจนถึงวันรุ่งขึ้นปรากฏว่า หลังจากหลับไปหนึ่งคืนอาการปวดตุ๊บๆนั้นหายไป
      คุณชลได้บอกว่า เมื่อ3ปีก่อน ได้เกิดอุบัติเหตุบริเวณหน้าผากด้านซ้ายตรงที่มีอาการปวดนี้ วันนั้นได้เอื้อมมือไปหยิบของบนหลังตู้ แล้วไปคว้าโดนพระเรซิ่น ทำหล่นใส่กลางหน้าผากข้างซ้ายนี้ ( บริเวณเดียวกันกับที่ปวดเมื่อวาน ) เลือดกระฉูด หน้าผากโนขึ้น รักษาอาการบาดเจ็บกับโรงพยาบาลประมาณ1เดือน บาดแผลก็หายเป็นปกติ แต่อุบัติเหตุครั้งนี้มีอาการคันใต้ผิวหนังบริเวณรอยที่โดนกระแทก เป็นอาการคันยิบยับ เหมือนมดไต่ มีอาการคันมาตลอดหลังจากที่แผลหาย ประมาณ3ปี จะทำอย่างไร ทายาอะไรอาการคันก็ไม่หาย
       แต่ในเช้าวันนั้น ตื่นมาอาการปวดตุ๊บๆหายไป และอาการคันเหมือนมดไต่ใต้ผิวหนังก็หายไปด้วย จนถึงปัจจุบันนี้อาการคันใต้ผิวบริเวณที่โดนกระแทกก็ไม่มีอีกเลย
      
กรณีนี้จึงเป็นภาพเหตุการณ์ที่บอกให้รู้ ที่มาที่ไปของอาการ และที่มาที่ไปของแรงที่กระแทกเข้าร่างกายอย่างชัดเจน อาการคันเหมือนมดไต่ใต้ผิวหนังเกิดขึ้นตลอด3ปีหลังจากบาดแผลได้รับการรักษาด้วยยา จนเห็นว่าหายเป็นปกติ อาการคันนี้เป็นหลักฐาน เป็นร่องรอยที่หลงเหลือหลังจากการที่เรารักษาอาการบาดเจ็บแล้วเราไม่ได้คลายพลังงานนั้นออกมา การนวดไล่ลมที่เปิดรูขุมขนบริเวณนั้นได้ เป็นคำตอบ

อาการที่ปวดขึ้นมาภายใน1วัน ในบริเวณเดียวกันนี้ ก็คือการคลายพลังงานที่กระแทกเข้าไปเมื่อ3ปีที่แล้วออกมา


ในวันรุ่งขึ้น การตื่นขึ้นมา พร้อมกับอาการปวดตุ๊บๆหายไป พร้อมกับอาการคันเหมือนมดไต่ใต้ผิวหนังบริเวณที่โดนกระแทก ที่เป็นมาตลอด3ปี ก็หายไปด้วยกัน ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นกรรมเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น